ถ้าพบข้อผิดพลาดในเว็บไซด์ จะแนะนำและติชม หรือสอบถาม ติดต่อที่ WEBMASTER
 
VISITORS


     







Not logged in [Login ]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites  
[*] posted on 24/7/09 at 16:35 Reply With Quote

ภาพข่าว..การเดินทางไป พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ วันที่ 9-10 ก.ค. 2552


สำนักสงฆ์พุทธภาวนาวรคุณ

บ้านใหม่ไทยเจริญ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก



เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 52 หลังจากวันเข้าพรรษาแล้ว หลวงพี่ชัยวัฒน์ได้นำคณะตามรอยฯ เดินทางไปที่ สำนักสงฆ์พุทธภาวนาวรคุณ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เนื่องจากมีคุณตู่และภรรยา (อยู่ที่ศรีสะเกษ) ได้แจ้งข่าวว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่ที่นี่ จึงได้นัดพบกันระหว่างทาง โดยมีคุณประยูรและคุณหน่อยจากศรีสะเกษร่วมเดินทางไปด้วย

หลังจากเดินทางไปถึงแล้ว หลวงพี่ได้ฉันเพลพร้อมกับพระที่วัดนี้อีก 3 - 4 รูป พร้อมกับถวายปัจจัยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ และถวายส่วนองค์พระ รวมเป็นเงินกว่าหมื่นบาท จากนั้นเจ้าสำนักได้เดินนำไปที่รอยพระพุทธบาท


สำหรับรอยพระพุทธบาทที่พบใหม่แห่งนี้ เดิมเป็นสำนักของแม่ชี ต่อมามีพระสายวัดเกตุมฯ ได้มาสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ แล้วได้พบรอยพระพุทธบาทบนผลาญหินหลังสำนักสงฆ์ อยู่ใกล้ๆ ลำห้วย พระท่านเล่าให้ฟังว่า เคยมีคนเห็นดวงไฟลอยขึ้นในวันพระด้วย


หลวงพี่ได้เปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวง เนื่องจากได้นำบายศรีไปด้วย จึงช่วยให้ทำพิธีกรรมได้สมบูรณ์แบบ ท่านได้เสี่ยงทายวัดไม้วา ปรากฏว่าเป็นรอยพระพุทธบาทเกือกแก้วเบื้องขวา แต่อาจจะไม่ค่อยชัดเจน เนื่องจากอยู่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และมีน้ำขังอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย จึงทำให้รอยไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าใดนักค่ะ


เมื่อพวกเราได้โปรยดอกไม้ สรงน้ำหอม และปิดทองเรียบร้อยแล้ว หลวงพี่อีกรูปหนึ่งได้นิมนต์หลวงพี่ชัยวัฒน์ พร้อมทั้งเชิญให้พวกเราทุกคนขึ้นไปบนศาลา พร้อมทั้งมอบของสำคัญเป็นที่ระลึกอีกด้วย ปรากฏว่าหลวงพี่ได้วัตถุมงคลสมตามที่คิดไว้ทุกประการ


ต่อจากนั้นจึงเดินทางกลับ ในระหว่างทาง หลวงพี่เห็น วัดไชยมงคล กำลังสร้างโบสถ์อยู่ ท่านจึงบอกให้เลี้ยวเข้าไปทำบุญ พวกเราต่างลงจากรถร่วมทำบุญกับท่านด้วย แล้วจึงกลับไปค้างคืนกันที่ วัดสิริเขตคีรี (วัดพระร่วง) อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย




praew
Super Administrator
*********
Posts: 462
Registered: 12/3/08
Member Is Offline
View User's Profile View All Posts By User U2U Member
[*] posted on 19/8/09 at 08:37 Reply With Quote




รอยพระพุทธบาทภูผาทั่ง (ภูเขาทอง)

ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์



เช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ 10 ก.ค. 52 หลวงพี่พร้อมคณะฯ ได้ออกเดินทางไปที่ รอยพระพุทธบาทภูผาทั่ง (ภูเขาทอง) ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ตามข้อมูลที่ คุณชาติชาย มีเกิดมูล แจ้งไว้นานแล้ว แต่หลวงพี่เพิ่งจะมีโอกาสเดินทางไปสำรวจในครั้งนี้ พวกเราจึงถือว่าโชคดีกันทุกคน


การเดินทางในวันนี้ หลังจากหลวงพี่นัดพบกับคุณชาติชาติที่อุตรดิตถ์แล้ว เขาก็ได้นำไปทาง อ.น้ำปาด แต่ถนนหนทางตอนนี้คดเคี้ยวไปมาตามภูเขา เหมือนกับทางไปแม่ฮ่องสอน พวกเราไม่ทันได้ตั้งตัว ต่างก็เวียนหัวเมารถกันไปตามๆ กันเลยค่ะ


แต่พวกเราก็หายเหนื่อย เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่หลวงพี่ชัยวัฒน์บอกแล้ว จึงพบว่า "พระอาทิตย์กำลังทรงกลด" เจิดจ้าอร่ามตาอยู่พอดี พวกเราได้ส่งสัญญาณบอกต่อกัน ในวันนี้มีรถตามกันไป 4 คัน คือรถหลวงพี่ รถคุณมายิน รถตู้ของคุณชาติชาย และรถของคุณตู่ที่ติดตามมาด้วย หลังจากไปพบกันเมื่อวานนี้แล้ว โดยมีคุณประยูรและคุณหน่อย ช่วยกันซื้อเสบียงอาหารกลางวันพร้อมกับน้ำดื่มเตรียมไว้สำหรับหลวงพี่และทุกคนด้วย ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ


ขบวนรถวิ่งกันไป 3 - 4 ชั่วโมง กว่าจะไปถึงด่านตำรวจตระเวณชายแดน เป็นเวลา 11 โมงกว่าแล้ว แหงนมองดูท้องฟ้าอีกครั้ง พระอาทิตย์ทรงกลดหายไปแล้ว หลังจากทรงกลดนาน 2 ชั่วโมง พวกเราจึงรีบจัดอาหารถวายหลวงพี่ โดยเจ้าหน้าที่ ตชด. ช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมกับช่วยนำทางขึ้นเขาอีกด้วย หลังจากที่พวกเราทานอาหารกันเสร็จแล้ว


การเดินทางครั้งนี้ ไม่มีข้อมูลรายละเอียดการเดินทางเลย จึงต้องทำใจกันทุกคน แต่เมื่อได้มาเห็นทางขึ้นแล้ว ปรากฏว่าพวกเราเหงื่อแตกกันทุกคน เพราะเป็นเวลาเที่ยงอีกด้วย ทั้งเหนื่อยและทั้งร้อน ต้องดื่มน้ำไปตลอดทาง หลวงพี่ก็ต้องนั่งพักเป็นระยะๆ เพื่อรอพวกเราบางคน ที่เดินขึ้นเขาด้วยความจำเป็น บางคนก็ไม่ได้เตรียมตัวมาเลย โดยเฉพาะอาจารย์อำไพยังนุ่งผ้าถุงสีขาวขึ้นเขา ยอมรับว่ามีความสามารถจริงๆ เลยค่ะ


ผู้กอง ตชด. ผู้นำทางได้บอกว่า นี่พาพวกเรามาทางอ้อมนะ ถ้าขึ้นทางตรงจะชันกว่านี้มาก กว่าจะเดินขึ้นจุดหมาย เป็นเวลา 2 ชั่วโมงกว่า แต่ก็หายเหนื่อยอีกนั่นแหละ เพราะรอยพระพุทธบาทอยู่บนโขดหินเด่นชัดมาก มีน้ำใสๆ ขังอยู่ด้วย ขนาดความยาวเกือบ 2 เมตร หลวงพี่ได้เดินสำรวจ ปรากฏว่ามีทั้งหมดประมาณ 10 กว่าแห่ง แต่ไม่เป็นรูปพระบาทนะ เป็นรูปบ่อกลมๆ เป็นส่วนใหญ่


หลังจากนั่งพักเหนื่อยกัน และได้ทำความสะอาดบริเวณพระบาทกันแล้ว หลวงพี่ก็ให้นำผ้าสีทองไปผูกที่ต้นไม้เพื่อเป็นการบูชา จากนั้นก็เปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวง




หลังจากทำพิธีกันเสร็จแล้ว จึงได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วเดินต่อไปเพื่อจะไปชมยอดเขาที่เป็นสีทอง ที่เรียกกันว่า "ภูผาทั่ง" นั่นแหละ


สถานที่แห่งนี้ เจ้าหน้าที่ ตชด. เล่าว่า มักจะมีพระธุดงค์เดินขึ้นไปกราบไหว้กันอยู่เสมอ โดยเฉพาะชาวบ้านเคยเห็นแสงไฟลอยขึ้นในเวลากลางคืนอีกด้วย สมัยก่อนเคยมีถ้ำใหญ่เป็นที่เก็บสมบัติสิ่งของ ตอนหลังถ้ำก็ได้ปิดไปแล้ว


ภาพนี้หลวงพี่กำลังโปรยดอกไม้บูชา ในระหว่างทางที่จะผ่านไป ซึ่งมีน้ำขังเป็นรูปร่างคล้ายเกือกแก้ว



เมื่อเดินเข้าไปใกล้ยอดภูผาทั่ง จะเห็นผิวเป็นสีทองจริงๆ พวกเราพยายามถ่ายภาพมาให้เห็นกันชัดๆ เลยค่ะ ทั้งๆ ที่เหนื่อยและเมื่อยไปหมดทั้งตัว แต่ก็ต้องฝืนใจเดินขึ้นไป ซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นับว่าโชคดีที่ได้ขึ้นไป หากรู้ว่าลำบากอย่างนี้ หลวงพี่บอกว่าคงไม่ไหวแน่ แต่การที่พระอาทิตย์ทรงกลดให้เห็นระหว่างเดินทางนั้น พระท่านคงรู้ว่าลำบากและอันตราย ท่านจึงให้กำลังใจไว้ก่อนนั่นเอง นี่เป็นข้อสรุปที่หลวงพี่บอกไว้ค่ะ


คราวนี้เป็นการเดินลงเขากันแล้วละค่ะ ไม่รู้ว่าพูดยังไงว่าเป็นยากลำบากแค่ไหน เพราะเจ้าหน้าที่ตชด. ไม่ย้อนกลับทางเดิม แต่กลับทางลงเขาตรงๆ หนทางสั้นก็จริง แต่ก็ชันมาก เดิมเขาจะพาขึ้นทางนี้แหละ ตามที่ชาวบ้านเขาเดินขึ้นมา เขาใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่พวกเราเกือบ (ลิ้นห้อย) นะค่ะ


นี่แหละที่เห็นเดินลงมากันเป็นแถวๆ ไม่นานก็ถึงค่าย ตชด. แล้ว พวกเราต่างเอาน้ำล้างหน้าล้างตากัน ดีที่คุณตู่เอารถปิคอัพไปด้วย จึงค่อยทยอยนั่งรถกันมาได้หน่อยหนึ่ง ไม่ต้องเดินตลอด ภาพที่เห็นคนใส่เสื้อคอกลมสีดำ คือผู้กอง (ลืมชื่อแล้ว ขออภัยด้วยค่ะ) ปอกสับปะรดมาเลี้ยงพวกเรา สับปะรดห้วยมุ่นอร่อยมาก


หลังจากทานกันเสร็จแล้ว หลวงพี่ได้ชักชวนพวกเราร่วมมอบปัจจัยส่วนหนึ่งให้แก่เจ้าหน้า ตชด. ที่ต้องมาเป็นด่านอยู่ชายแดน ระหว่างไทยกับลาว ตรงนี้ แต่ผู้กองบอกว่า จะนำเงินส่วนนี้ไปช่วยหมู่บ้าน พวกเราก็ขออนุโมทนาด้วยค่ะ


ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ พวกเราก็ลาคุณชาติชาย เพื่อจะข้ามไปชายแดน โดยมีผู้กองนำไปด้วย ได้เห็นหลักเขตแดน แล้วถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก จะได้ชื่อว่าไปต่างประเทศมาแล้วนะเนี่ย.. ผู้กองบอกว่าตรงบริเวณชายแดนตรงนี้ ถ้าเป็นวันอาทิตย์จะเป็นตลาดนัด คนไทยและคนลาวจะเข้ามาซื้อของกันมากมายเต็มไปหมด

นับเป็นเวลาเย็นมากแล้ว พวกเราจึงได้ลาผู้กองที่แสนใจดี ทราบว่าเป็นคนจังหวัดน่าน มาอยู่ประจำการนานพอสมควร น่าเห็นใจคนอยู่ชายแดน คงเงียบและลำบากพอสมควร รถเลี้ยวกลับเข้ามาฝั่งไทย แวะส่งผู้กองที่ด่านแล้ว จึงเดินทางกลับด้วยความประทับใจ


ในระหว่างทาง เหลียวมองยอดเขา "ภูผาทั่ง" แล้วหันกลับมาคุยกันในรถว่า ไม่รู้เดินขึ้นกันไปได้ยังไงนิ..สูงจังเลย ปลายยอดภูเขาทองมองคล้ายบัวตูม หรือคล้ายกับยอดพระเจดีย์นั่นแหละ พวกเรายกมือกราบลา คิดในใจว่าคงจะแค่ครั้งเดียวก็พอนะ แล้วก็นั่งโยกไปโยกมาไปตามทางคดเคี้ยวอีกนั่นแหละ จนถึงที่พักเป็นเวลา 3 - 4 ทุ่ม ไปแล้ว คงขอเล่าและขอลากันเพียงแค่นี้นะ..สวัสดีค่ะ...


webmaster
Super Administrator
*********
Posts: 2033
Registered: 8/1/08
Member Is Offline
View User's Profile View All Posts By User U2U Member

Go To Top
 

"เว็บตามรอยพระพุทธบาท" ได้รับลิขสิทธิ์จาก พระอาจาย์ชัยวัฒน์ อชิโต เพื่อเผยแพร่รูปภาพและข้อมูล
จาก "หนังสือตามรอยพระพุทธบาท" จึงขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๗ และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐
ห้ามคัดลอกข้อมูล, ภาพ, เสียง ออกไปเผยแพร่ หรือนำไปโพสในเว็บใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน

เว็บไซต์นี้แสดงผลได้ดีกับโปรแกรม Internet Explorer, Window Media V.9, Flash Player ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 768 pixels ความเร็วอินเตอร์เน็ต 1 Mbps. ขึ้นไป

ถ้าพบข้อผิดพลาดใดๆ หากจะแนะนำ หรือติชม และสอบถาม ติดต่อ "ทีมงานเว็บตามรอยพระพุทธบาท"
เริ่มเปิดเว็บไซด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Copyright @ 2008 tamroiphrabuddhabat.com All rights reserved