ถ้าพบข้อผิดพลาดในเว็บไซด์ จะแนะนำและติชม หรือสอบถาม ติดต่อที่ WEBMASTER
 
VISITORS


     







Not logged in [Login ]
Go To Bottom
Printable Version | Subscribe | Add to Favourites  
[*] posted on 20/7/09 at 07:49 Reply With Quote

นิทานชาดก (เรื่องที่ 23) กโปตกชาดก - ชาดกว่าด้วย "การเป็นผู้มีใจโลเล"


...นิทานชาดกนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "พระพุทธเจ้า" ขณะที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้บำเพ็ญพระบารมีมาในแต่ละชาติ จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แล้วได้ตรัสเล่าบุพกรรมเหล่านี้ ซึ่งมีมาในพระไตรปิฎกมากมายหลายเรื่อง

ในตอนนี้ จะขอนำการ์ตูนเรื่องที่ 23 ชื่อว่า "กโปตกชาดก" (อ่าน..กะโปตะกะชาดก) โดยพระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็น "พญานกพิราบโพธิสัตว์" จึงขออนุโมทนาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

กโปตกชาดก : ชาดกว่าด้วย "การเป็นผู้มีใจโลเล"



มูลเหตุที่ตรัสชาดก

......ณ พระเชตวันมหาวิหาร กรุงสาวัตถี มีพระภิกษุรูปหนึ่งมีนิสัยโลเล ปฏิบัติธรรมไม่สม่ำเสมอ จึงไม่สามารถบรรลุธรรมใดๆ

เพื่อนพระภิกษุจึงพามาเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงซักถาม ท่านก็ยอมรับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกชาติหนหลังของภิกษุรูปนี้ด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณแล้วตรัสว่า

.......เมื่อชาติก่อนเธอต้องสิ้นชีวิตเพราะความโลเลของเธอเอง มิหนำซ้ำยังเป็นเหตุ ให้บัณฑิตผู้หนึ่งต้องพลัดพรากจาก ที่อยู่อาศัยอีกด้วย ตรัสแล้วทรงนำ "กโปตกชาดก" มาตรัสเล่า ดังนี้



เนื้อความของชาดก

......ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี ชาวเมืองนิยมแขวนกระเช้าหญ้าไว้ในที่ต่างๆ เพื่อให้เป็นที่อาศัยของนกทั้งหลาย นกพิราบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในกระเช้าหญ้า ทุกเช้านกพิราบบินออกไปหากิน

ครั้นตกเย็นบินกลับมานอนในกระเช้าอย่างเป็นสุขตลอดมา วันหนึ่งกาตัวหนึ่งบินผ่านโรงครัว ได้กลิ่นหอมตลบอบอวลของอาหาร จึงอยากลิ้มลองรสอาหารนั้น

จึงบินมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้ๆ พร้อมทั้งหาอุบายพูดเอาใจนกพิราบว่า อยากมาอยู่รับใช้ใกล้ๆ เพราะถูกใจในกิริยาของนกพิราบ

..... นกพิราบรู้สึกผิดสังเกตจึงถามขึ้นว่า เจ้ากินอาหารที่มีเลือดมีเนื้อ ส่วนเรากินเมล็ดพืช ไปด้วยกันได้อย่างไร กาหัวไวรีบตอบทันทีว่า

อยู่ด้วยกันได้เพราะไม่ต้องแย่งกันกิน เช้าบินออกไปหากินพร้อมกัน แล้วต่างแยกกันไปหากิน ถึงเวลาเย็นบินกลับรังพร้อมกัน

เมื่อกายืนยันเช่นนั้นนกพิราบก็ไม่ว่ากระไร แต่ไม่ไว้ใจนิสัยของพวกกา จึงเตือนว่า อย่าได้ไปลักอาหารในครัวกิน มิฉะนั้นจะพากันเดือดร้อน

เมื่อการับคำ พ่อครัวเห็นว่ากาเป็นเพื่อนกับนกพิราบก็ไว้ใจ จึงหากระเช้าหญ้ามาแขวนให้กาอีกกระเช้าหนึ่ง นับแต่นั้นมา นกทั้งสองตัวก็บินไปหากินแล้วกลับรังพร้อมๆ กันทุกวันเสมอ

..... อยู่มาวันหนึ่ง มีคนนำปลาและเนื้อเป็นจำนวนมากมาฝากท่านเศรษฐี พ่อครัวนำมาแขวนไว้ในโรงครัว กาเห็นแล้วน้ำลายสอ จึงคิดหาทางกินให้ได้

รุ่งเช้ากาแกล้งทำเป็นปวดท้อง บินไม่ไหว นกพิราบรู้ทันจึงพูดตรงๆ ว่า ถ้าเจ้าเห็นแก่ความอยาก เจ้าต้องได้รับกรรมตามสนองแน่ ว่าแล้วบินร่อนออกไปหากินตามลำพัง

..... ฝ่ายพ่อครัวได้ลงมือประกอบอาหารหลายชนิดด้วยปลาและเนื้อที่ได้มา เมื่อเสร็จจึงใส่หม้อนึ่งตั้งไฟไว้บ้าง หมักไว้บ้าง โดยเอาฝาปิดแง้มๆ ไว้พอให้อากาศถ่ายเทได้

แล้วเอากระชอนครอบอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันแมลงวัน จากนั้นจึงเดินออกไปนอกโรงครัวเพื่อรับลมให้หายเหนื่อย กาเห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงลงจากกระเช้าไปแอบอยู่ใกล้ๆ กระชอน

แต่เคราะห์ร้ายปีกไปกระทบถูกกระชอนเสียงดัง “ แกร็ก ” พ่อครัวได้ยินจึงกลับเข้ามาดูเห็นกากำลังขยับปีกบินหนี จึงโมโหสุดขีด ปิดประตูต้อนจับกาจนได้

จากนั้นจับกาถอนขนจนหมด เอาขิงสด เกลือป่น เนยเปรี้ยว คลุกทาที่ตัวกา แล้วโยนลงกระเช้าของมัน

..... ครั้นตกเย็นนกพิราบกลับมาจากหากิน เห็นกาไม่มีขน ตัวเกลี้ยงเป็นมัน นอนหายใจแขม่วๆ ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส กำลังขาดใจตาย จึงพูดขึ้นว่า

“ เจ้าได้รับความทุกข์ใหญ่หลวงเช่นนี้ เพราะนิสัยโลเลทำดีไม่ได้ตลอด เอาแต่ความโลภเป็นที่ตั้งไม่เชื่อฟังเรา ”

แล้วกล่าวสุภาษิตว่า “ ผู้ใดบุคคลกล่าวสอนอยู่ ไม่ทำตามคำสอนของผู้ปรารถนาประโยชน์ ผู้อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูล

ผู้นั้นย่อมถึงความฉิบหาย เศร้าโศกอยู่ เหมือนกาไม่เชื่อฟังคำของนกพิราบ ตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าศึกฉะนั้น ”


ครั้นแล้วนกพิราบคิดว่า ตนคงอยู่ที่โรงครัวต่อไปอีกไม่ได้ เพราะกาทำให้เขาไม่ไว้วางใจเสียแล้ว อันตรายอาจมาถึงตัวเมื่อไรก็ได้ จึงบินไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนกานอนตายอยู่ในกระเช้านั้นเอง

..... เมื่อตรัสกโปตกชาดกจบลง พระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจ ๔ โดยอเนกปริยาย ภิกษุผู้โลเลน้อมนำใจไปตามพระธรรมเทศนา จนได้สำเร็จเป็นพระอนาคามี ณ ที่นั้นเอง

"กา" ได้มาเป็นภิกษุผู้โลเลในครั้งนี้
"นกพิราบ" ได้มาเป็นพระองค์เอง


ข้อคิดจากชาดก

.....๑. ต้องฝึกตนให้เป็นคนหนักแน่น ไม่เป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง เมื่อตั้งใจจะทำความดีอะไรแล้ว ต้องตั้งใจทำให้จริง มิฉะนั้นจะเป็นคนที่ทำอะไรไม่สำเร็จเลยสักอย่าง

.....๒. คนเราเมื่อมีเพื่อนดี ควรรับฟังตรึกตรองปฏิบัติตามคำแนะนำอันดีของเพื่อน

.....๓. เมื่อพิจารณาตัวเอง รู้ว่ามีข้อบกพร่องอะไรหรือมีนิสัยที่ไม่ดีอะไร ควรรีบแก้ไข ปรับปรุงตนเองเสียทันที เพราะนิสัยเหล่านี้สามารถติดตัวข้ามภพข้ามชาติได้

.....๔. ผู้ประทุษร้ายต่อผู้มีพระคุณ ถือว่าเลวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ไม่ควรคบหาด้วย



ที่มา - kalyanamitra.org



webmaster
Super Administrator
*********
Posts: 2033
Registered: 8/1/08
Member Is Offline
View User's Profile View All Posts By User U2U Member

Go To Top
 

"เว็บตามรอยพระพุทธบาท" ได้รับลิขสิทธิ์จาก พระอาจาย์ชัยวัฒน์ อชิโต เพื่อเผยแพร่รูปภาพและข้อมูล
จาก "หนังสือตามรอยพระพุทธบาท" จึงขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม
พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.๒๕๓๗ และพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐
ห้ามคัดลอกข้อมูล, ภาพ, เสียง ออกไปเผยแพร่ หรือนำไปโพสในเว็บใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเสียก่อน

เว็บไซต์นี้แสดงผลได้ดีกับโปรแกรม Internet Explorer, Window Media V.9, Flash Player ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 768 pixels ความเร็วอินเตอร์เน็ต 1 Mbps. ขึ้นไป

ถ้าพบข้อผิดพลาดใดๆ หากจะแนะนำ หรือติชม และสอบถาม ติดต่อ "ทีมงานเว็บตามรอยพระพุทธบาท"
เริ่มเปิดเว็บไซด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Copyright @ 2008 tamroiphrabuddhabat.com All rights reserved