ตามรอยพระพุทธบาท

การทำบุญ, ปล่อยสัตว์แต่ละชนิดหมายถึงอะไร
webmaster - 17/11/10 at 08:55

รายงานพิเศษ : การทำบุญ

16-11-2553 | 11:30 l ch7.com

.......คนไทยกับการทำบุญเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะวันไหน เป็นวันพระ หรือวันสำคัญทางพระพุทะศาสนา จะมีพุทธศานิกชนไปทำบุญทำทาน หน้าตาจะสดใสเป็นพิเศษ แต่จริงๆการทำบุญไม่ต้องไปที่วัด อยู่ที่ไหนก็ทำได้ จะมากจะน้อยอยู่ที่ใจ และกำลังที่เราพอจะทำได้ และสังเกตได้ว่าคนที่ชอบทำบุญ หน้าตาจะสดใสเป็นพิเศษ

เรื่องนี้มีงานวิจัยด้วยว่า การบริจาคนั้นสร้างความปลาบปลื้มกับผู้ให้ โดยเฉพาะผู้หญิง เป็นการศึกษาของต่างประเทศ ที่ร่วมกันศึกษาว่าสมองส่วนต่างๆมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่ออาสาสมัครหญิงจะต้องจ่ายเงินภาษีให้กับรัฐ เพื่อให้รัฐนำไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น โดยในขณะที่ต้องจ่ายเงินนั้น มีเครื่องแสกนสมอง วัดความพึงพอใจอยู่ด้วย

ผลออกมาว่า มีอาสาสมัครบางคน ที่เต็มใจจ่ายภาษี ดดยไม่แอบเก็บเงินไหว้เอง เครื่องแสกนสมองบอกว่า ผู้หญิงคนนั้น มีสารในร่างกาย ที่บ่งบอกถึงความสุขออกมาอย่างชัดเจน ต่างจากที่ที่ไม่เต็มใจจ่ายเงิน ผลการแสกนสมอง จะบอกถึงความห่อเหี่ยวภายใน นั่นมายถึงว่า ทำบุญเห็นผลทันตา ส่งต่อถึงหน้าตาที่สดใสนั่นเอง

สำหรับใครที่ชอบทำบุญ แต่เป็นการทำบุญด้วยการปล่อยสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์น้ำ ซึ่งแต่ละชนิดมีความหมายในการทำบุญแตกต่างกันไป

ปล่อยสัตว์แต่ละชนิดหมายถึงอะไร..?

ปลาไหล หมายถึง การเงิน การงาน การเรียนจะราบรื่น
ปลาหมอ หมายถึง เพื่อสุขภาพ
ปลาบู่ หมายถึง ทดแทนพระคุณ
ปลาดุก หมายถึง ศัตรูคู่แข่งขันแพ้พ่าย
ปลานิล หมายถึง ทรัพย์สินเพิ่มพูน
ปลาช่อน หมายถึง ช้อนเงินทอง สิ่งของที่ซ่อนเร้น จะได้พบ
ปลาทับทิม หมายถึง ทำอะไรราบรื่น
ปลายสวาย หมายถึง เงินทองคล่องตัว
ปลาขาว หมายถึง ปลานำโชค
ปลาจารเม็ด หมายถึง จะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ปลาใน หมายถึง ได้เป็นเจ้าคนนายคน
ปลาดุกเผือก หมายถึง ปลามงคล
ปลาดำราหู หมายถึง สะเดาะเคราะห์

ปล่อยกบ หมายถึง ขออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
หอมขม หมายถึง ทิ้งความขมขื่น จะร่วมเย็นเป็นสุข
หอยโข่ง หมายถึง หนทางโล่งเป็นผู้นำ ข้าทาสบริวารมาก
ตะพาบ หมายถึง ภัยคุกคาม ต่างๆจะราบ อัมพาตจะดีขึ้น อายุมั่นขวัญยืน


สำหรับผู้ที่เกิดในแต่ละวัน ก็มีเคล็ดในการทำบุญต่างๆกันไป ดังนี้
บุคคลที่เข้าสู่เบญจเพส อายุลงท้าย 5,9 เช่น 25 29 35 39 เชื่อกันว่า คนที่เกิดวันอาทิตย์ ให้ปล่อยปลาไหล คนเดวันจันทร์ ให้ปล่อยนก คนเกิดวันอังคาร ให้ปล่อยหอยขม คนเกิดวันพุธ ให้ปล่อยปลาไหล ส่วนคนเกิดวันพฤหัสบดี ให้ปล่อยเต่า คนเกิดวันศุกร์ ให้ปล่อยปลาหมอ และคนที่เกิดวันเสาร์ ให้ปล่อยปลาไหล

ส่วนจำนวนสัตว์ที่ปล่อย ถ้ามีกำลังทรัพย์ ก็ให้มากกว่าอายุ

แต่สำหรับคนที่มีรายได้น้อยไม่สะดวกเรื่องเงิน ให้ถือเลขอายุลงท้ายเลขคู่ให้ปล่อยสัตว์จำนวนคี่ อายุลงครา ให้ปล่อยสัตว์จำนวนด้วยเลขคู่ เช่น อย่างอายุ 24 ให้ปล่อยสัตว์จำนวน เลขคี่ 1 3 5 7 9 ถ้าอายุ 25 ปล่อยสัตว์จำนวน 2 4 6 7 10 เป็นต้น อันนี้เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล

แต่เรื่องการทำบุญด้วยการปล่อยปลา บางคนก็ว่าอาจจะไม่บุญ เพราะมองว่า พอซื้อปลาจากแม่ค้า ที่ขายอยู่ตามวัด หรือสถานที่ต่างๆพอเราปล่อยแล้ว เค้าก็จะไปจับขึ้นมาขายใหม่ หลายคนกลัวว่าจะเป็นแบบนั้น เลยใช้วิธีไปซื้อปลาเป็นๆมาจากตลาด เพราะเป็นปลาที่ต้องตายอย่างแน่นอน เหมือนกับการไถ่ โค กระบือ ทำนองนั้น แบบนี้ หลายคนเชื่อว่า น่าจะได้บุญแน่ๆ เพราะไม่ต้องกังวล ว่าจะมีใครจับมันมาขายเหมือนเดิม

ส่วนอีกกรณีหนึ่ง ในเรื่องการทำบุญ คือ จะมีคนแต่งตัวเหมือนเจ้าหน้าที่มูลนิธิ มาขอรับบริจาคตามแหล่งชุมชน ซึ่งบางคนอาจจะไม่ใช่เจ้าหน้าที่มูลนิธิตัวจริง เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าต้องการบริจาคเงินทำบุญจริงๆ หรือบางคนอยากทำบุญโลงศพ ลองไปทำที่มูลนิธิต่างๆ เลย ที่นั่นจะมีเจ้าหน้าที่โดยตรง ออกใบเสร็จให้ และเห็นโลงจริงๆ เช่น มูลนิธิร่วมกตัญญู หรือ มูลนิธิปอเต็กตึ๋ง ก็ได้ เพราะยงมีผู้เดือดร้อนที่รอความช่วยเหลืออยู่



รายงานพิเศษ : บุญตักบาตร คนเมืองกรุง

15-11-2553 | 18:17 l ข่าว ch7.com

......ด้วยจิตสำนึกความเป็นพุทธ การตักบาตรพระสงฆ์นับเป็นการทำบุญที่พุทธศาสนิกชนนิยมทำมากที่สุด บ้างก็ทำเป็นกิจวัตร บ้างก็ทำในวันสำคัญทางศาสนาหรือไม่ก็วันเกิด

แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะคนเมืองกรุง ที่วิถีชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลา การทำบุญตักบาตรอาจแตกต่างจากตามต่างจังหวัด

ทุกเช้าตลาดประชาชื่นแห่งนี้ จะมีพระสงฆ์จากวัดต่างๆย่านนี้ ออกมารับบิณฑบาตจากญาติโยม แม่ค้าพ่อค้านำอาหารหลากหลายชนิดมาขาย พร้อมสำหรับใส่บาตร เพิ่มความสะดวก สบายใจที่ได้ทำบุญ

นอกจากที่ตลาดสดแล้ว บริษัทย่านการค้า ใจกลางกรุงหลายแห่ง ก็มีพระสงฆ์ไปยืนบิณฑบาตรด้วย ทุกเช้าจึงมีหนุ่มสาววัยทำงานที่อยากทำบุญออกมาตักบาตรจำนวนมาก

แต่มุมมองคนเฒ่าคนแก่กลับไม่เห็นด้วย กับการตักบาตรสมัยใหม่ ที่พระสงฆ์ยืนปักหลักรับบิณฑบาต ตามตลาดสด ผิดหลักวินัย ที่พระสงฆ์ต้องออกจากวัดเดินบิณฑบาตจากญาติโยม

ไม่ว่าจะทำบุญรูปแบบไหน แต่ถ้าทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ผลบุญที่ได้ก็คือความสุขใจนั่นเอง




ช่อง 7 เจาะประเด็น : ห่มจีวร...หากินกับชาวพุทธ




15-11-2553 | 18:17 l ข่าว ch7.com

......การทำบุญ ตักบาตร เป็นวิถีชีวิตที่ควบคู่กับชาวพุทธมานาน หลายคน ก็จะไปตักบาตรที่วัด แต่ด้วยชีวิตที่เร่งรีบ ภาพที่เราเห็นชินตา คือ จะมีพระสงฆ์ยืนปักหลักอยู่ตามร้านขายกับข้าว ยืนรอให้ญาติโยมมาใส่บาตร

ทีมเจาะประเด็น ได้รับเรื่องร้องเรียน มีแก๊งค์มิจฉาชีพห่มจีวรบังหน้า ตระเวนให้ผู้คนใส่บาตร ตามย่านสำนักงาน อยู่จนสายราว 10 โมง แล้วขึ้นรถตู้หนีหายไป สันนิษฐานว่าไม่น่าจะเป็นพระสงฆ์จริง ไปติดตามใน"เจาะประเด็น"

หลังได้รับแจ้งจากท่านผู้ชมร้องเรียนมาว่า มีพระสงฆ์ทั้งชาวต่างชาติ และพระไทย ออกมาปักหลักยืนรอให้ผู้คนใส่บาตร สังเกตดูท่าทางแล้วไม่สำรวม แต่งกายไม่สะอาด น่าจะเป็นพระปลอม ทีมเจาะประเด็นจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ หลายจุดในกรุงเทพมหานคร

ย่านถนนเพชรเกษม 68-76 ช่วงเช้าจะมีพระสงฆ์ชาวต่างชาติออกรับบิณฑบาตรกว่า 10 รูป ทีมข่าวสังเกตพบว่า เมื่อพระสงฆ์กลุ่มนี้บิณฑบาตได้สิ่งของเต็มย่ามแล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับวัด แต่กลับเดินไปขอถุงใบใหญ่จากหญิงคนหนึ่ง เพื่อถ่ายเทของ แล้วตั้งกองไว้หน้าธนาคาร นำแต่ซองปัจจัยติดตัวไป จากนั้นก็เดินวนเวียนรับบิณฑบาตรต่อ

หลังจากนั้นเห็นหญิงคนเดิม รวมถึงแม่ค้า จะพากันมาหยิบกับข้าวที่พระวางไว้ไปอย่างคุ้นเคย ราว 8 โมงเช้า วินมอเตอร์ไซค์ก็จะมายกถุงข้าวเหล่านี้ขึ้นรถไป สร้างความไม่สบายใจ ให้กับประชาชนที่พบเห็น

หลังจากที่ทีมข่าวแสดงตัว เข้าไปสอบถามกับหญิงที่จัดหาถุงใส่ของให้พระ ก็ได้รับคำตอบว่า ได้ทำการขออาหารจากพระเรียบร้อยแล้ว ส่วนอาหารที่เหลือ มอเตอร์ไซค์ได้นำไปส่งให้พระถึงที่วัด โดยอ้างว่า เพราะของใส่บาตรมีเยอะ น้ำหนักมาก พระถือไม่ไหว

ทีมข่าวตามไปดู พบว่ามอเตอร์ไซค์ได้พาพระต่างชาติกลุ่มนี้ไปส่งที่ "วัดตะล่อม" สอบถามทราบว่า ที่วัดนี้ เป็นแหล่งพำนักของพระสงฆ์หลากเชื้อชาติที่เข้ามาศึกษาพุทธศาสนาในประเทศไทย

เจ้าอาวาสยอมรับ เคยได้รับเรื่องร้องเรียน และรู้สึกหนักใจกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ก็ได้ว่ากล่าวตักเตือนพระ เป็นระยะ

กรมการศาสนา ระบุ พบพระที่ทำผิดหลักวินัยสงฆ์จำนวนไม่น้อย ตรวจสอบมักพบ เป็นฆราวาสที่แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ออกเรี่ยไรเงินตามบ้าน แต่ที่พบมากที่สุดคือ การเวียนเทียน ยืน-นั่ง ปักหลักรับบิณฑบาต เป็นการยากในการแยกแยะ ว่าพระรูปไหนเป็นพระจริงหรือพระปลอม จึงมีคำแนะนำ


"ข้อสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับพระที่ไม่น่าเลื่อมใส" 7 ข้อ

1.ย่ามที่ใช้มีขนาดใหญ่ ภายในมีผ้าขนหนู เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟันครบ
2.จีวรไม่สะอาด ไม่ได้ซัก เพราะต้องนอนตามที่สาธารณะ
3.มีบาตรและกลดพระติดตัวในย่านชุมชนเมือง ซึ่งจริงๆ แล้วกิจของพระธุดงค์นั้น ต้องเดินห่างจากชุมชนเมือง 25 กม. เป็นการเดินในป่าไม่ใช่เมือง
4.นอนไปทั่วทุกหนแห่ง
5.แหล่งที่พักไม่แน่นอน
6.สัญจรอยู่ตลอดเวลา
7.อธิษฐานพรรษา เปล่งคำบาลีไม่ถูกต้อง และไม่มีใบสุทธิ


ส่วนอีกจุด ทีมข่าวเจาะประเด็นได้ลงไปสังเกตการณ์ที่บริเวณซอยอารีย์ มีพระสงฆ์หน้าตาเดิมๆ 3 รูป มาปักหลักบิณฑบาตตั้งแต่เช้าจนถึงราว 10 โมงเช้า อยู่หน้าอาคารสำนักงาน ไม่ยอมออกเดินบิณฑบาตตามหลักของวินัยสงฆ์

ปรากฏว่า ทันทีที่พระสงฆ์ทั้ง 3 รูปเห็นกล้องบันทึกภาพ ก็ได้เดินเข้ามาต่อว่าทีมข่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เมื่อถามว่า หลวงพ่อมาจากวัดไหน ก็ปฎิเสธไม่บอก อ้างว่าอยู่ต่างจังหวัด จากนั้นก็รีบเดินหนีกล้องไป พระบางรูปยังไม่ทันได้ให้ศีลให้พรผู้มาตักบาตร ก็รีบเก็บของแยกย้ายไป

แม่ค้าเล่าว่า เห็นพระทั้ง 3 รูปนี้นั่งรถตู้มามายืนรับบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืดจนถึงราว 10 โมง เพราะที่นี่ มีพนักงานมาใส่บาตรจำนวนมาก พระบางรูปกิริยาไม่สำรวม ถกจีวรปัสสาวะข้างตู้โทรศัพท์ เคยมีผู้ยากไร้มาขอกับข้าวพระไปกิน ได้รับคำปฎิเสธ ให้ไม่ได้ อ้างยังมีภาระเยอะ

วิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนกรุง ส่งผลให้ผู้คนไม่น้อยเลือกที่จะไปทำบุญตักบาตรกับพระสงฆ์ ที่ยืนปักหลักอยู่ตามตลาด

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมจะเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระ หรือ ผู้ที่สวมรอยเป็นพระสงฆ์ เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียถึงวงการศาสนา

นอกเหนือจากความตั้งใจร่วมทำบุญ จรรโลงพุทธศาสนาแล้ว ยุคนี้เราก็คงต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าปล่อยให้มิจฉาชีพในคราบผ้าเหลือง ใช้วิถีแห่งแรงศรัทธาของชาวพุทธ เป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ บ่อนทำลายพุทธศาสนา..!


webmaster - 22/1/12 at 05:15

นอสตราดามุส กับ เด็กชายปลาบู่




......เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2000-2100 มีชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิวเกิดขึ้นในโลกและเขียนคำทำนายความเป็นไปของโลก ตลอดระยะเวลา 500 ปีที่ผ่านมา ฝรั่งเขาติดตามคำทำนายแล้วก็ฮือฮากันใหญ่โต เพราะเหตุการณ์ตรงกับคำทำนายหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการตายของคนสำคัญ เรื่องสงครามโลก เรื่องโรคระบาด ฯลฯ

นอสตราดามุส เป็นแพทย์ เป็นนักคิด นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน และนักอะไรอีกหลายอย่าง ช่วงที่เกิดกาฬโรคระบาดที่อิตาลี-ฝรั่งเศส เขาได้ช่วยรักษาชาวบ้านรอดตายได้มาก แต่ลูกเมียไม่รอด เขาชอบศึกษาศาสตร์เร้นลับแบบพ่อมดหมอผี ดูลูกแก้ว เพ่งกสิณแบบชาวพุทธ จนมีจิตถึงขั้นได้ฌาณ สามารถล่วงรู้อดีตและอนาคตได้ แบบพระปฏิบัติได้วิชาสามและอภิญญา 6

ทางพุทธศาสนาถ้าใครปฏิบัติได้ถึงจุดนี้ก็สามารถรู้อดีตรู้อนาคตที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ปี ดังพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ได้ทั่วจักรวาล ไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแต่พระองค์ท่านไม่ได้เขียนคำทำนายไว้ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใด ไม่เกี่ยวกับการบรรลุมรรคผลนิพพาน

เด็กชายปลาบู่ เกิดที่เมืองจันทร์ เมื่อ 38 ปีที่แล้ว อายุเพียง 6 ขวบ แต่ได้บอกคำทำนายให้พ่อเขียนไว้ คอยดูว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เด็กน้อยตายไปเมื่ออายุ 6 ขวบนั่นเอง และคำทำนายที่สร้างความอกสั่นขวัญหายแก่ชาวจังหวัดตาก เรื่องเขื่อนภูมิพลจะแตกในเวลา 4 ทุ่มของคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2554 เขื่อนจะแตกเพราะแผ่นดินไหวในคืนนั้น ก่อนวันปีใหม่ 2 ชั่วโมง แตกไม่แตกเดี๋ยวรู้กัน

เด็กอายุเพียง 6 ขวบ จะทำนายได้อย่างไร เด็กคงระลึกชาติได้และมีฌาณดั้งเดิมที่ปฏิบัติไว้แล้วในชาติก่อนมาเสริม เด็กที่ระลึกชาติได้นั้นจะเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เหมือนพระเทพสุทธาจารย์ อุปัชฌาของวัจฉโคตร ระลึกชาติได้ตั้งแต่ออกจากท้องแม่ นอนตาแป๋วมองน้องมองลูกมองเมียของตัวเอง รู้แบบผู้ใหญ่ในร่างเด็ก เพียงแต่ออกเสียงไม่ได้เท่านั้น เด็กชายปลาบู่คงเป็นแบบนั้น

ระหว่างคำทำนายของนอสตราดามุสกับของเด็กชายปลาบู่ จะเป็นจริงได้แค่ไหน นอสตราดามุส ฝรั่งเขาเชื่อถือมาก ส่วนเด็กชายปลาบู่ โนเนม แต่เพื่อความไม่ประมาท ลองพิจารณาดู เพราะเรื่องแผ่นดินไหวนั้นไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดที่ไหนวันใด แม้จะไม่มีแผ่นดินไหว แต่เขื่อนที่สร้างมานานแล้วก็อาจจะพังลงสักวัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเสื่อมสลายไปตามกฎอนิจจังของพระพุทธเจ้า เข้าหลักธรรมะจนได้

......ก็ฟันธงว่า เขื่อนไม่แตกช่วงนี้ แต่อีกห้าร้อยปีข้างหน้า ไม่แน่...!




เจาะลึกความจริง แตก! ไม่แตก!
เขื่อนไทย แข็งแรงแค่ไหน?


.......รายงานพิเศษพาไปเจาะลึกความจริงเกี่ยวกับเรื่องเขื่อน ว่ามีความแข็งแรง ทนทาน มากหน่อยเพียงใด และจะแตกดังข่าวลือหรือไม่..?

จากกระแสข่าวช่วงปลายปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคลิปวีดีโอคำนายของเด็กชายปลาบู่ที่อ้างตนเองว่าระลึกชาติได้ พร้อมกล่าวว่าจะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งรุนแรงในประเทศไทยจากเหตุการณ์เขื่อนภูมิพลแตกส่งผลให้มีผู้คนล้มตายมากมาย ทำให้เมื่อคลิปวีดีโอที่ถ่ายทอดคำนายของเด็กชายปลาบู่ก่อนตายผ่านพ่อของเขาออกไปสู่โลกออนไลน์ และถูกเผยแพร่จากสื่อมวลชนหลากแขนงมากขึ้น สร้างความแตกตื่นและเป็นที่พูดถึงมากมายมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อแบ่งเป็น 2ฝ่าย ถึงท้ายที่สุดแล้วคำทำนายนั้นจะยังไม่เป็นความจริงก็ตาม

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์ เห็นความสำคัญของเรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จึงได้เดินทางไปสัมภาษณ์ขอความรู้จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องเขื่อนทั้งในด้านความแข็งแรง และความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่เขื่อนจะแตก เพื่อไขข้อข้องใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในการเดินทางมาเยือนประเทศไทยในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ

นายธนรัชต์ ภุมมะกสิกร ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ หนึ่งในเขื่อนขนาดใหญ่ของประเทศไทย กล่าวเริ่มต้นถึงการสร้างเขื่อนว่า การสร้างเขื่อนสามารถสร้างได้หลายรูปแบบทั้ง เขื่อนหิน เขื่อนดิน เขื่อนคอนกรีต หรือเขื่อนคอนกรีตบดอัด ซึ่งแต่ละพื้นที่จะสร้างเขื่อนรูปแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศ งบประมาณ และพื้นดินบริเวณที่จะสร้างเขื่อนว่าสามารถรองรับเขื่อนลักษณะใดได้เป็นหลัก แต่ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนรูปแบบใดก็มีความแข็งแรง คงทน ไม่ต่างกัน

“เขื่อนในประเทศไทยทุกเขื่อนใช้มาตรฐานการสร้างเดียวกับเขื่อนทั่วโลก ทั้งเรื่องของดีไซน์ วัสดุอุปกรณ์ และความแข็งแรงของตัวเขื่อน มั่นใจได้เลยว่าความคงทนของเขื่อนในประเทศไทยไม่ได้ด้อยกว่าเขื่อนใหญ่ๆทั่วโลกแน่นอน ด้านมาตรฐานในการดูแลรักษาเขื่อนก็อยู่ในระดับเดียวกันทั้งประเทศคือ จะมีการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา ทุกสัปดาห์จะมีการตรวจสอบการทรุดตัวของตัวเขื่อน หรือการเบี่ยงเบนของตัวเขื่อนว่ามีอะไรผิดปกติไหม และทุก 2 ปีก็จะมีการตรวจสอบครั้งใหญ่ในทุกๆด้าน สำหรับในช่วงที่กักเก็บน้ำเต็มพิเศษก็จะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทุกครั้งเพื่อเพิ่มความมั่นใจ”

........ถามถึงเรื่องข่าวเกี่ยวกับคำทำนายว่าเขื่อนภูมิพลจะแตกที่กำลังเป็นกระแสในสังคม ผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ กล่าวว่า เขื่อนทุกเขื่อนถูกสร้างมาให้สามารถป้องกันแผ่นดินไหวที่ใจกลางเขื่อนได้ 7 ริกเตอร์สเกล ซึ่งตามหลักทฤษฎีแล้วบนพื้นที่ของประเทศไทยมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดนั้น เพราะประเทศไทยไม่ได้ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนขนาดใหญ่ มีเพียงรอยเลื่อนสาขาที่สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้เต็มที่ประมาณ 5 ริกเตอร์สเกลเท่านั้น รอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แผ่นดินไทยที่สุดอยู่ที่ ทะเลอันดามัน วิ่งลงไปอินโด วกกลับมาฟิลิปปินส์ ขึ้นไปถึงไต้หวัน และประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก็คือรอยเลื่อนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์สเกล และเกิดสึนามิครั้งใหญ่เข้าถล่มทางตอนใต้ของประเทศไทยเมื่อปี 2547

“ถ้านับจากสถิติทั่วโลกจะรู้ว่าการที่เขื่อนจะแตกเพราะแผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติ เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แม้แต่การก่อการร้ายด้วยระเบิดเองก็เช่นกัน เพราะเขื่อนถูกสร้างมาให้แข็งแรง คงทาน เพื่อรองรับน้ำจำนวนมหาศาล ยกเว้นจะปล่อยให้น้ำล้นเขื่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่และคนที่คอยดูแลเขื่อนก็ไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นเป็นอันขาด เพราะถ้าปล่อยให้น้ำล้นเคลื่อนก็จะนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาล ฉะนั้นอยากให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวมั่นใจ อย่าเชื่อข่าวลือจนตื่นตระหนกมากเกินไป ผมยืนยันว่าเขื่อนในประเทศไทยแข็งแรง และสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้เช่นเดิม” ผอ.เขื่อนสิริกิติ์ ยืนยันถึงความแข็งแรงของเขื่อน

ภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะร้ายแรงเพียงใด แต่การป้องกันที่ดีที่สุดต้องเริ่มจากการมีสติ สื่อออนไลน์เป็นช่องทางในการกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วนำมาซึ่งทั้งข้อดีและข้อเสีย ฉะนั้นการจะเลือกเชื่อข่าวลือสักเรื่อง ควรหาเหตุผลและหลักความจริงที่สามารถเป็นไปได้ ก่อนที่จะตื่นตระหนกตามกระแส ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นจริง เราจะขาดสติในการควบคุมตนเองให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้อย่างปลอดภัย


สัมภาษณ์ ผอ เขื่อนสิริกิติ์



ที่มา - เดลินิวส์