ตามรอยพระพุทธบาท

นิทานชาดก (เรื่องที่ 15) โลสกชาดก - ชาดกว่าด้วย "โทษของความอิจฉาริษยา"
webmaster - 25/11/08 at 10:39

...นิทานชาดกนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ "พระพุทธเจ้า" ขณะที่ยังเป็นพระโพธิสัตว์ พระองค์ได้บำเพ็ญพระบารมีมาในแต่ละชาติ จะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แล้วได้ตรัสเล่าบุพกรรมเหล่านี้ ซึ่งมีมาในพระไตรปิฎกมากมายหลายเรื่อง

ในตอนนี้ จะขอนำการ์ตูนเรื่องที่ 15 ชื่อว่า "โลสกชาดก" (อ่านว่า "โลสะกะชาดก") จึงขออนุโมทนาไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

โลสกชาดก : ชาดกว่าด้วย "โทษของความอิจฉาริษยา"


มูลเหตุที่ตรัสชาดก

.....ครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล มีหญิงในหมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่งได้ตั้งครรภ์ ตั้งแต่นั้นมาทั้งหมู่บ้านก็อดอยาก จึงไล่นางออกจากหมู่บ้าน นางคลอดบุตรและเลี้ยงจนเดินได้ก็ให้ออกไปหากินเอง เด็กชายร่อนเร่ไป จนอายุได้ ๗ ขวบ

วันหนึ่งพระสารีบุตรได้เห็นเด็กชายกำลังเก็บเศษอาหาร ท่านรู้สึกสงสารจึงให้บวชเป็นสามเณร ต่อมาอุปสมบทฉายาว่า "โลสกติสสะ" บำเพ็ญเพียรต่อมาไม่นานได้บรรลุพระอรหันต์ แต่ท่านก็ยังคงมีลาภน้อย จนใกล้วันเข้านิพพาน

พระสารีบุตรคิดจะอนุเคราะห์ให้ท่านได้ฉันอาหารอิ่มสักมื้อ จึงพาไปบิณฑบาตด้วย แต่ไม่ได้อะไรเลย เมื่อท่านไปบิณฑบาติมาแล้วฝากไปให้แต่ท่านก็ไม่ได้รับ พระสารีบุตรจึงต้องถือบาตรไว้ แล้วให้พระโลสกติสสะนั่งฉันจากบาตรในมือท่านจนอิ่มเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วท่านก็นิพพานในวันนั้นเอง

ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในธรรมสภาสนทนากันถึงเหตุนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่อง "โลสกชาดก" ดังนี้



เนื้อความของชาดก

.....ในสมัยสมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์รูปหนึ่งมาบิณฑบาตในหมู่บ้าน กุฎุมพีเห็นท่านเกิดความศรัทธา จึงนิมนต์ให้ท่านไปที่วัดซึ่งตนเป็นอุปัฏฐากอยู่

เขาบำรุงพระอาคันตุกะอย่างดี จนเจ้าอาวาสเกิดความอิจฉาริษยา ยามบิณฑบาตตอนเช้ากฎุมพีให้นิมนต์พระอรหันต์ไปด้วย พระเจ้าอาวาสก็แสร้งเอาเล็บเคาะระฆัง เคาะประตูให้ไม่ได้ยิน แล้วไปแต่คนเดียว

ขณะพระเจ้าอาวาสบิณฑบาตกลับมา ระหว่างทางเอาข้าวปายาสในส่วนของพระอรหันต์ที่กฎุมพีฝากถวายเทลงในกองไฟ แล้วจึงกลับวัด

เมื่อมาถึงได้แอบเข้าไปดูในกุฏิ แต่ไม่เห็นจึงฉุกคิดขึ้นว่าพระรูปนี้คงเป็นพระอรหันต์ ท่านเสียใจมาก ตรอมใจจนมรณภาพในที่สุด

เมื่อมรณภาพแล้วจึงตกนรกหมกไหม้อยู่หลายแสนปี เมื่อพ้นจากนรกแล้ว เศษกรรมยังนำให้ไปเกิดเป็นยักษ์อีกถึง ๕๐๐ ชาติ เป็นสุนัขอยู่อีก ๕๐๐ ชาติ

ทุกภพทุกภาพที่เกิดจะอดอยากยากแค้นมากได้กินอิ่มมื้อเดียวก่อนตายเท่านั้น ชาติต่อมาได้มาเกิดเป็นลูกคนยากจนมีชื่อว่า "มิตตพินทุกะ"

เมื่อโตขึ้นเที่ยวเร่ร่อนไปเรื่อย ได้เรียนในสำนักของอาจารย์ทิศาปาโมกข์ผู้หนึ่ง ต่อมาได้ทะเลาะกับเพื่อนศิษย์คนอื่น จึงออกจากสำนักเร่ร่อนไปจนถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง แต่งงานและมีลูก ๒ คน

ต่อมาถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน ครอบครัวเขาหลงเข้าไปในเขตที่อมนุษย์ภรรยาและลูกถูกจับกิน แต่ตัวเขาหนีรอดได้

เร่ร่อนไปจนถึงเมืองท่าแห่งหนึ่ง มิตตาพินทุกะสมัครเป็นกรรมกรในเรือ เมื่อเรือสินค้าแล่นไปได้ ๗ วัน ก็หยุดขึ้นมาเฉยๆ นายเรือ จึงให้จับสลากหาผู้เป็นกาลกิณี เขาก็จับสลากได้ทุกครั้ง จึงถูกจับปล่อยลอยแพแล้วเรือก็แล่นต่อไปได้ทันที

มิตตพินทุกะได้รับความลำบากมาก ด้วยผลบุญที่เคยรักษาศีลในชาติที่เกิดเป็นพระเจ้าอาวาส ทำให้แพลอยไปถึงที่อยู่ของเทพธิดาเปรตและได้เสวยสุข แต่เขายังคงลอยแพต่อไปอีก

กระทั่งได้พบเกาะแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ มิตตพินทุกะมองเห็นแม่แพะตัวหนึ่งซึ่งเป็นนางยักษ์แปลงตัวมา ด้วยความหิวจัด เขาจึงกระโดดจับแพะ จึงถูกแม่แพะดีดกระเด็นข้ามทะเล ไปตกอยู่ข้างคูเมืองพาราณสี

ในขณะนั้นเอง คนเลี้ยงแพะของพระราชาช่วยกันซุ่มจับโจรขโมยแพะ จึงกรูกันเข้ามาจับตัวเขาไว้ อาจารย์ทิศาปาโมกข์ผ่านมาพอดี จึงนำตัวมิตตพินทุกะกลับไป แล้วให้โอวาทว่า

“บุคคลใด เมื่อท่านผู้หวังดีเอ็นดูจะเกื้อกูลสั่งสอน ก็มิได้กระทำตามที่ท่านสอน บุคคลผู้นั้นย่อมเศร้าโศกอยู่เป็นนิตย์ เหมือนมิตตพินทุกะจับขาแพะแล้ว เศร้าโศกลำบากอยู่”

ประชุมชาดก

มิตตพินทุกะ ได้มาเป็นพระโลสกติสสะ
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ ได้มาเป็นพระองค์เอง


ข้อคิดจากชาดก

๑. ผู้ที่อิจฉาริษยาความดีของบุคคลอื่น จะส่งผลให้ตนเองเกิดเป็นคนที่ไม่มีอำนาจวาสนา

๒. ยิ่งทำลายลาภของผู้ที่มีคุณธรรมสูงเพียงไร ก็ยิ่งได้กรรมหนักมากเพียงนั้น

๓. ผู้ไม่เชื่อฟังคำตักเตือนของผู้หวังดีย่อมได้รับความเดือดร้อน



ที่มา - kalyanamitra.org


webmaster - 21/5/18 at 05:26

.