ตามรอยพระพุทธบาท

สายใยรัก ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี | พระองค์ทีฯ ทรงเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557
webmaster - 25/5/08 at 10:26

Go To News Update
Go to News Update
(คลิกลงไปที่ "ข่าวล่าสุด")




สายใยรัก ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี







บทความ.."พระองค์ทีฯ" มีพระชันษาครบ 4 ปี


ในเช้าวันเปิดเทอมเข้าชั้นเรียนอนุบาล 1/1 "โรงเรียนจิตรลดา" อย่างเป็นทางการ "พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ" ทรงตื่นบรรทมแต่เช้าตรู่ ด้วยพระอารมณ์เบิกบานแจ่มใสเป็นพิเศษ และหลังจากทรงฉลองพระองค์ชุดนักเรียนอนุบาลเรียบร้อยแล้ว ก็ทรงถามข้าราชบริพารที่อยู่รายรอบด้วยความตื่นเต้นว่า
“พระองค์ที..หล่อไหม?!”

ใครเห็นก็ต้องทูลชมว่า “หล่อมากเพค่ะ” ทรงดูหล่อเหลาน่ารักจริงๆ เมื่อทรงฉลองพระองค์ชุดนักเรียนจิตรลดาเป็นครั้งแรก โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปส่งเข้าโรงเรียนด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ

คำถามยอดฮิตที่ว่า “พระองค์ที หล่อไหม?!” นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า “พระองค์ที” ทรงเริ่มมีพัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ขณะพระชนม์เพียง 3 ปีเศษ โดยพระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ ทรงเฝ้าสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดมาตลอด...

“ตอนนี้ “องค์ที” ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และซุกซน ไม่อยู่นิ่งเลย ทรงเป็นเด็กช่างจดช่างจำ ช่างสังเกต ช่างสงสัย มักจะมีคำถามว่า “ทำไมล่ะแม่” อยู่เสมอ

“องค์ที” อยู่ในวัยที่ชอบการทดลอง อยากรู้อยากเห็น ต้องสอนให้รู้จักคิด อย่าใช้การห้ามหรือบังคับ “องค์ที” ไม่โปรดการบังคับ แต่ถ้าบอกด้วยเหตุผล ท่านจะทรงทำตามเป็นอย่างดี เวลาที่ท่านโมโห ต้องปล่อยเฉยๆ สักพัก แล้วท่านก็จะหายเอง

เราจะไม่บังคับลูกมาก ถ้าบังคับลูกตั้งแต่เล็ก โตขึ้นลูกจะเก็บกดและต่อต้านไม่ยอมฟัง ต้องปล่อยให้เรียนรู้เองจากประสบการณ์จริง ท่านทรงปรับองค์ได้ดี ทรงมีความอดทน และมีความวิริยอุตสาหะอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็ทรงมีพัฒนาการด้านการรับสั่งเร็วมาก รับสั่งเหมือนผู้ใหญ่ที่ทำให้ทึ่งเสมอ”

พระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ ยังทรงพยายามปลูกฝังเรื่องพุทธศาสนา เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ “พระองค์ ที” ให้อ่อนโยน...“สิ่งหนึ่งที่เราปลูกฝังให้กับ “องค์ที” คือ "การให้เข้าถึงพุทธศาสนา" เพราะเราเชื่อว่า จะทำให้มีพระทัยที่ดี มีความสงบ เริ่มจากการให้สวดมนต์ทุกครั้งก่อนบรรทม ซึ่งทรงทำได้ดีมาก ต่อมาก็ให้ทรงบาตรทุกเช้าวันศุกร์ ซึ่งตรงกับวันประสูติ จากที่เคยทรงบาตรพร้อมกับทูลกระหม่อมพ่อและแม่ ตอนนี้ทรงบาตรเพียงองค์เดียว ก็ทรงตั้งพระทัยเป็นอย่างดี”


อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ทรงมีพระภารกิจมากมาย และมีข้อจำกัดเรื่องเวลา พระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ จึงทรงใช้การเล่านิทาน และทำกิจกรรมร่วมกับ “พระองค์ที” ในช่วงก่อนบรรทมเป็นสะพานเชื่อมความผูกพันระหว่างแม่ลูก...“เวลาที่ “องค์ที” บรรทม จะเป็นช่วงเวลาที่เราให้กับลูกและอยู่กับลูกให้นานที่สุด เราเรียกช่วงเวลานี้ว่า “ควอลิตี้ ไทม์”

เราอยากให้ลูกเห็นหน้าแม่ ทั้งก่อนบรรทมและเมื่อตื่นบรรทม ลูกจะได้รู้สึกว่ามีแม่อยู่ใกล้ๆเสมอ ถ้าวันไหนแม่ติดภารกิจดึก ไม่ได้กล่อมลูก พอเช้าวันรุ่งขึ้น “องค์ที” จะถามว่า “แม่ไปไหนมา..ทำไมไม่อยู่”

...เราว่าเวลาจะพูดอะไร ต้องพูดกับลูกตอนก่อนนอน เพราะลูกจะซึมซับได้หมด จะจดจำได้ทุกเรื่อง พ่อแม่บ้านไหนที่มีเวลาน้อย ก็ควรให้เวลากับลูกเต็มที่ในช่วงก่อนเข้านอน กิจกรรมที่ทำร่วมกันเสมอก่อนบรรทมคือ สวดมนต์และเล่านิทาน องค์ที สวดมนต์เก่ง ทุกครั้งจะทรงให้สัญญาต่อหน้าพระพุทธรูปว่า “พระองค์ทีจะเป็นคนดี”

เมื่อสวดมนต์เสร็จ ก็จะกราบพระบรมฉายาลักษณ์ ทูลกระหม่อมปู่ สมเด็จย่า พระฉายาลักษณ์ทูลกระหม่อมพ่อ กราบรูปแม่ รูปคุณตาคุณยาย แล้วเราก็พา องค์ที เข้านอน เราจะเล่านิทานให้ฟัง นิทานที่กำลังฮิตช่วงนี้คือ “เต่าต้วมเตี้ยม” ท่านโปรดให้ แม่เล่านิทานให้ฟัง จนกระทั่งบรรทมหลับไปเอง หรือบางครั้งถ้าทรงง่วงและจะบรรทมแล้ว ก็รับสั่งว่า “แม่ปิดไฟ” ระหว่างเล่านิทาน เราจะสอดแทรกเรื่องราวสาระเข้าไปด้วย

...เราเชื่อว่า ที่ "องค์ที" ทรงฉลาดและช่างจดจำ เป็นเพราะทรงได้ ฟังนิทานเยอะ ทรงแปลกจากเด็กวัยเดียวกันทั่วไป เพราะโปรดอ่านหนังสือทุกชนิด โดยเฉพาะ หนังสือเกี่ยวกับเครื่องบิน, รถยนต์ และนิทานต่างๆ ทรงจำได้เกือบทุกเรื่อง เวลาเราอ่านให้ ท่านฟัง และแกล้งอ่านแบบผิดๆ ท่านก็จะพูดว่า “ไม่ใช่” และรับสั่งเรื่องที่ถูกให้ฟัง ท่านเป็นเด็กที่มีจินตนาการสูง เราไม่ชอบให้ลูกดูทีวี เพราะรุนแรงเกินไป กลัวจะจำสิ่งไม่ดี”

อีกเคล็ดลับสำคัญที่ พระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ ทรงเน้นย้ำมากในการเลี้ยงดู “พระองค์ที” ให้เจริญพระชันษาขึ้นอย่างเบิกบานแจ่มใส ก็คือ การปลูกฝังให้ทรงคุ้นเคยกับเสียงเพลงตั้งแต่อยู่ในครรภ์...“องค์ที ทรงมีพระอารมณ์แจ่มใส โปรดการร้องเพลงมาก เราพยายามปลูกฝังให้ทรงคุ้นเคยกับเสียงเพลงตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เพราะการที่เด็กอยู่กับเสียงเพลง จะทำให้จิตใจสงบ, นิสัยอ่อนโยน, อารมณ์เบิกบานแจ่มใส และรู้จักปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย ซึ่งจะส่งผลไปถึงการพัฒนาด้านสติปัญญาด้วย เวลาเราอยู่กับลูกสองคนจะร้องเพลงด้วยกันเสมอ จะสลับกันร้องคนละประโยคจนจบเพลง..”

ที่มา - นสพ.ไทยรัฐ


webmaster - 27/9/08 at 06:09

(Update 27 ก.ย. 51)


"........พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเข้าร่วมกิจกรรม ในโครงการส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ ในวันวิทยาศาสตร์ ที่โรงเรียนจิตรลดา สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล ซึ่งจัดโดย สวทช.มุ่งเน้นกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่อยู่รอบตัว ทั้งการเรียนรู้หลักการเกิดปฏิกิริยาของก๊าซ ที่ทำให้ลูกโป่งพองตัวได้ การเรียนรู้เรื่องการลอยและจม โดยพระองค์ทีฯ สนพระทัยกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จากกล้วยเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างต้นกล้วยกับการใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

ศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสังคม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) จัดโครงการส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล ณ ศาลาผกาภิรมย์ โรงเรียนจิตรลดา เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2551 ซึ่งตรงกับวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

โดยนำกิจกรรม 4 ฐาน ให้นักเรียนได้เรียนรู้ ผ่านการเล่นและลงมือปฏิบัติจริง มีนักเรียนชั้นอนุบาล 1-3 จำนวน 360 คน ผลัดเปลี่ยนกันเข้าร่วมกิจกรรม และในโอกาสนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเข้าร่วมกิจกรรมด้วยอย่างสนพระทัย


........พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงทดลองทำให้ลูกโป่งพองลมด้วยน้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดาในฐานกิจกรรมลูกโป่งหรรษา (ภาพจาก สวทช.)

....... เมื่อผู้จัดการวิทยาศาสตร์และสื่อมวลชนอีกหลายสำนัก เดินทางไปถึงโรงเรียนจิตรลดา เป็นเวลาเดียวกับที่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเริ่มทำกิจกรรม พร้อมด้วยพระสหายชั้นอนุบาลหนึ่ง ซึ่งฐานแรกที่พระองค์ทรงร่วม คือ “ฐานลูกโป่งหรรษา” พระองค์ทีฯ ทรงทดลองผสมน้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดา เพื่อทำให้เกิดก๊าซ ที่ทำให้ลูกโป่งพองลมได้ด้วยพระองค์เอง

........ส่วนกิจกรรมในฐานอื่นๆ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ก็ทรงทดลองเล่น และปฏิบัติด้วยพระองค์เองอย่างสนพระทัยทุกกิจกรรม ทั้งการประดิษฐ์ตุ๊กตาล้มลุก ทดสอบการลอยและจมของลูกเกดในน้ำสไปรท์ และวาดลวดลายตกแต่งโปสการ์ดด้วยก้านกล้วย

โดยมีนางฤทัย จงสฤษดิ์ เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการ ศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสังคม คอยถวายการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่ง นางฤทัย บอกกับสื่อมวลชน ว่า พระองค์ท่านสนพระทัยกิจกรรมสนุกกับต้นกล้วยมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้เกี่ยวกับต้นกล้วย และการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ

.......นอกจากนี้ ในฐานกิจกรรมที่ 2 ซึ่งให้นักเรียนประดิษฐ์ตุ๊กตาล้มลุก และเรียนรู้เรื่องความสมดุล โดยบนโต๊ะกิจกรรมมีตุ๊กตาล้มลุก ที่ทำจากไข่นกกระจอกเทศวางประดับอยู่ด้วย เมื่อพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทอดพระเนตรเห็น และได้ทรงทราบว่าเป็นไข่นกกระจอกเทศ ก็เกิดความสนพระทัยอย่างมาก พร้อมกับตรัสว่าไม่เคยเห็นไข่นกกระจอกเทศมาก่อนเลย

น.ส.ปิยะมาศ สุวรรณภักดี คุณครูประจำชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนจิตรลดา และผู้ประสานงานโครงการ เปิดเผยกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ ว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ และจัดตรงกับวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติพอดี โดยหวังว่า กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ให้กับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลได้

เด็กจะได้เรียนรู้ สังเกต และฝึกคิดจากการทำกิจกรรมที่ได้ทดลองเล่นและปฏิบัติจริง โดยเลือกกิจกรรมที่สนุก น่าสนใจ เหมาะสมกับวัย เด็กสามารถเรียนรู้ได้จากกิจกรรม ซึ่งต้องไม่ซับซ้อนจนเกินไป ที่สำคัญต้องเป็นกิจกรรมที่ปลอดภัย และไม่มีอันตราย โดยแบ่งเป็น 4 ฐาน ได้แก่

........ฐาน 1 ลูกโป่งหรรษา ให้เด็กๆ เห็นว่า สามารถทำให้ลูกโป่งพองลมได้โดยไม่ต้องเป่าลมเข้าไป โดยผสมน้ำส้มสายชูและน้ำเปล่าในขวดแก้วอย่างละเท่าๆ กัน ใส่ผงเบกกิ้งโซดาลงในลูกโป่ง จากนั้นนำปากลูกโป่งไปสวมไว้บนปากขวดแก้ว ค่อยๆ เทเบกกิ้งโซดาลงในขวดแก้ว เมื่อเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ลูกโป่งพองลมได้โดยไม่ต้องเป่า


ฐาน 2 ลูกปิงปอง...ลูกกลมมหัศจรรย์ เด็กๆ จะได้เรียนรู้หลักการสมดุลจากการประดิษฐ์ลูกปิงปองให้เป็นตุ๊กตาล้มลุก โดยการใส่ดินน้ำมันและลูกแก้วเข้าไปในลูกปิงปอง ซึ่งลูกแก้วจะถ่วงน้ำหนักให้ตุ๊กตาลูกปิงปองล้มแล้วลุกขึ้นมาตั้งใหม่ได้

.......ฐาน 3 สนุกกับการลอยและการจม หรือ ลูกเกดเต้นระบำ ฐานนี้คุณครูพี่เลี้ยงจะให้น้องๆ ทดลองปล่อยลูกเกดลงในน้ำสไปรท์ เปรียบเทียบกับการใส่ลูกเกดลงในน้ำอื่นๆ เช่น น้ำเปล่า น้ำมันพืช เป็นต้น เพื่อให้น้องๆ สังเกตความแตกต่าง และคิดหาเหตุผลว่าทำไมน้ำสไปรท์จึงทำให้ลูกเกดลอย จม ลอย จม สลับกันไปมาอย่างนี้ได้ ขณะที่เมื่อใส่ลูกเกดลงไปในน้ำชนิดอื่น ลูกเกดจะจมลงก้นแก้วทั้งหมด


ฐาน 4 สนุกกับต้นกล้วย ซึ่งเป็นฐานสุดท้าย ให้น้องๆ ได้ทำความรู้จักกับต้นกล้วย และประโยชน์ของต้นกล้วยที่เกี่ยวข้องกับภูมิปัญญาไทยมาตั้งแต่ในอดีต เช่น ใช้ใบตองห่อขนม ของเล่นม้าก้านกล้วย เป็นต้น และหลังจากนั้น ก็ให้น้องๆ ได้ทดลองสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามจินตนาการของแต่ละคนโดยใช้ก้านกล้วยแทนพู่กันวาดภาพระบายสีลงบนโปสการ์ดของแต่ละคน

.........ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ได้พูดคุยกับน้องเต่งเต๊ง ด.ช.เขตนคร ด่านพิทักษ์
ชั้นอนุบาล 2/1 ซึ่งสนใจกิจกรรมลูกเกดเต้นระบำอย่างมาก น้องเต่งเต๊งบอกว่า
ลูกเกดลอยได้เพราะในน้ำสไปรท์มีฟองอากาศ แต่ในน้ำเปล่าไม่มี ลูกเกดจึง
ไม่ลอย และน้องเต่งเต๊งยังบอกอีกว่ากิจกรรมวันนี้สนุกมากทุกฐานเลย

........ส่วน ด.ญ.พรกมล คงประเสริฐ หรือ น้องซอนย่า
ชั้นอนุบาล 2/2 ที่ร่วมทำกิจกรรมแต่ละฐานอย่างสนใจ
ไม่แพ้เพื่อนคนอื่นๆ โดยเฉพาะลูกโป่งหรรษา ซึ่งน้อง
ซอนย่าบอกว่าลูกโป่งที่ตนเองถืออยู่นั้นไม่ได้เป่าเอง
แต่ขวดเป่าให้

........แม้โครงการนี้เพิ่งจัดเป็นครั้งแรก และเด็กๆ ก็ให้ความสนใจกันอย่างมาก คุณครูปิยะมาศบอกว่าในปีต่อๆ ไปก็จะจัดกิจกรรมลักษณะนี้อีกเช่นกัน แต่อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบให้มีความหลากหลายมากขึ้น หรืออาจเพิ่มกิจกรรมการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์ หรือเปิดโอกาสให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมด้วย

......ทั้งนี้ โครงการส่งเสริมศักยภาพทางวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาล จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยเน้นกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่อยู่รอบตัวกับการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง เพื่อให้เด็กเล็กที่เป็นวัยช่างสังเกต ได้เล่นสนุกกับวิทยาศาสตร์ และเปิดโลกทัศน์ด้านวิทยาศาสตร์ได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมั่นใจว่าจะเป็นการสร้างความตระหนัก และปลูกฝังให้เด็กหันมาสนใจวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัวได้มากขึ้น

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


webmaster - 11/12/08 at 16:08

(Update 11/12/08)


ข่าวจาก..มติชนออนไลน์ - วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เวลา 10:40:53 น.

........ในหลวงทรงสอน "องค์ศรีรัศมิ์" อย่าประคบประหงมลูกมาก ให้เล่นเหมือนเด็กธรรมดา หนังสือบันทึกจากแม่สู่ลูก

.........พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ทรงพระนิพนธ์หนังสือ "บันทึกจากแม่สู่ลูก" เป็นไดอารี่บันทึกถึง "พระองค์ที" ประทานให้บุคคลที่เข้าถวายพระพรในวันประสูติ 9 ธ.ค. เนื้อหาระบุ "สมเด็จย่า" พระราชทานพานตุ๊กตาเปลือกหอย ทูลกระหม่อมปู่ทรงถ่ายรูป และทรงสอนว่า

"........อย่าประคบประหงมลูกมาก ปล่อยให้เล่นเหมือนเด็กธรรมดา ให้มีภูมิคุ้มกัน"


.........พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระนิพนธ์หนังสือ "บันทึกจากแม่สู่ลูก" โดยเป็นไดอารี่ที่พระองค์ทรงบันทึกถึง พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ตั้งแต่ก่อนประสูติ จนกระทั่งครบ 1 พระชันษา ซึ่งพระองค์ทรงมีพระดำริให้จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในวันประสูติของพระองค์ในวันที่ 9 ธันวาคม 2551 เพื่อประทานให้กับบุคคล และคณะบุคคลที่เข้าถวายพระพร

........สำหรับรูปเล่มของพระนิพนธ์ หน้าปกเป็นสีฟ้า มีพระฉายาลักษณ์พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงแย้มสรวล ภายในประกอบด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์ต่างๆ ที่งดงามและน่าจดจำยิ่ง ซึ่งทั้งพระบรมฉายาลักษณ์ พระฉายาลักษณ์ทุกภาพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงเป็นผู้เลือกด้วยพระองค์เอง พระนิพนธ์บันทึกเป็นภาษาง่ายๆ อบอุ่น ในฐานะ "แม่กับลูก"

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงนิพนธ์ความประทับพระทัยตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงมีพระประสูติกาล ตั้งแต่วันแรกเกิดของลูก และทรงบันทึกความประทับพระทัยในเดือนที่ 1 จนถึงเดือนที่ 12 ส่วนหนึ่งของพระนิพนธ์ พระองค์ทรงนิพนธ์ว่า "วันแรกเกิดของลูก" วันที่ 29 เมษายน 2548 ถึงวันที่แม่เฝ้าคอย

เมื่อคณะแพทย์ให้คำแนะนำว่า แม่ควรจะเตรียมตัวคลอดได้แล้ว ทูลกระหม่อมพ่อทรงตื่นเต้นทรงขับรถพาไปโรงพยาบาล ทูลกระหม่อมพ่อรับสั่งว่าจะเสด็จฯไปให้กำลังใจในห้องคลอดด้วย แม่รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาทันที

เมื่อแม่รู้สึกตัวอีกครั้งก็เห็นลูกนอนอยู่บนหน้าอก พระองค์ทีฯ ของแม่ตัวแดงๆ เหมือนลูกหนูตัวเล็กๆ ทำปากจุ๊บๆ เตรียมดูดนมจากอกแม่ เป็นความรู้สึกสุขใจและตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ทูลกระหม่อมพ่อเข้ามาโอบเราแม่ลูก ในวันสำคัญยิ่งวันนี้ แม่และลูกได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จย่า และทูลกระหม่อมทุกพระองค์เสด็จฯมาเยี่ยมพร้อมตุ๊กตาน่ารักเป็นของขวัญสำหรับลูก


พระองค์ทรงนิพนธ์ถึงการเข้าเฝ้าฯทูลกระหม่อมปู่และสมเด็จย่าที่หัวหิน เมื่อพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เจริญพระชันษาครบ 4 เดือน ว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความประทับใจของเรา ทูลกระหม่อมพ่อ แม่และลูก ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯทูลกระหม่อมปู่ และสมเด็จย่าหลายครั้ง

ทั้งนี้ ทูลกระหม่อมพ่อทรงมีพระราชวินิจฉัยว่า ลูกอายุเต็ม 3 เดือนแล้ว สุขภาพแข็งแรงพอจะเดินทางไกลได้ จึงทรงขับรถพระที่นั่งพาลูกไปกราบพระบาททูลกระหม่อมปู่และสมเด็จย่าที่วังไกลกังวล หัวหิน

วันที่ 5 สิงหาคม 2548 "พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น" ทูลกระหม่อมปู่ทรงอุ้มลูกไว้ในอ้อมพระกร พระองค์ท่านพระราชทานคำแนะนำในการเลี้ยงดูหลายอย่าง แม่น้อมรับเพื่อนำมาปฏิบัติด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ วันที่ 12 สิงหาคม 2548 "ยิ้มหวานถวายในวันเฉลิมฯ

สมเด็จย่า" ทูลกระหม่อมพ่อทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งนำทุกๆ คนในครอบครัวของเราเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จย่า ลูกยิ้มหวานที่สุดถวายทูลกระหม่อมปู่ และสมเด็จย่าหลายครั้ง วันที่ 17 สิงหาคม "รอรับเสด็จฯสมเด็จย่าทุกเช้า" ทุกเช้าแม่กับลูกจะพากันไปรอรับเสด็จฯ สมเด็จย่าหน้าพระตำหนักเปี่ยมสุข

สมเด็จย่าพระราชทานพานตุ๊กตาเปลือกหอยที่จัดอย่างงดงามให้แก่ลูกด้วย เป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่แม่จะเก็บรักษาไว้ให้ลูกเป็นอย่างดี ตอนเย็น ตะวันใกล้จะตกดิน ท่านผู้หญิงอภิรดี และแม่พาลูกเฝ้าทูลกระหม่อมปู่ ณ บริเวณที่มีการฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ลูกมีเหงื่อชุ่มทั่วตัว ทูลกระหม่อมปู่รับสั่งว่า ต้องให้อยู่ในอากาศร้อนแบบนี้ บ้างจะได้อดทน ให้ถูกแสงแดดอ่อนๆ ตอนเช้าและเย็น ร่างกายจะได้แข็งแรง เป็นพระราชดำรัสที่แม่น้อมรับใส่เกล้าฯ

พระนิพนธ์ "บันทึกจากแม่สู่ลูก" พระองค์ทรงบันทึกในวันที่ 23 สิงหาคม 2548 ว่า "ทูลกระหม่อมปู่ทรงเป็นตากล้อง" แม่พาลูกเข้าเฝ้าฯสมเด็จย่าเพื่อทูลลากลับกรุงเทพฯ ลูกโผเข้าสู่อ้อมพระกร และซุกตัวนิ่งนานเหมือนกับรู้ว่าจะไม่ได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จย่าอีกหลายวัน สมเด็จย่าทรงกอดและอุ้มลูกด้วยความรัก

จากนั้นเราก็ไปกราบทูลลาทูลกระหม่อมปู่ ซึ่งกำลังทอดพระเนตรการฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ทูลกระหม่อมปู่ทรงชวนลูกคุยและถ่ายรูปลูกอยู่นานทีเดียว ภาพฝีพระหัตถ์เหล่านี้แม่ขอเก็บเข้ากรอบไว้ให้ลูกเพื่อระลึกถึงในพระเมตตาที่มีต่อลูก"

พระองค์ยังทรงนิพนธ์ถึงวันที่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า "กราบพระบาทสมเด็จย่า" ทูลกระหม่อมพ่อ แม่และพี่หญิงพาลูกไปกราบพระบาทสมเด็จย่า ณ วังเลอดิส ลูกนั่งบนพระเพลา ขณะทูลกระหม่อมพ่อกราบทูลเรื่องสุขภาพของลูก สมเด็จย่าพระราชทานคำแนะนำในการดูแลลูกของแม่ ลูกนั่งตาแป๋ว ฟังผู้ใหญ่คุย และยิ้มหวานกับสมเด็จย่าอย่างสนิทคุ้นเคย

ในเดือนที่ 8 พระองค์ทรงนิพนธ์ตรงกับวันที่ 31 ธันวาคม 2548 "ฉลองปีใหม่ที่หัวหิน" ทูลกระหม่อมพ่อและแม่พาลูกไปฉลองขึ้นศักราชใหม่ร่วมกับทูลกระหม่อมปู่ สมเด็จย่า ทูลกระหม่อมป้า ทูลกระหม่อมอาทั้งสองพระองค์ ณ วังไกลกังวล ลูกชายแม่สำราญกับของขวัญที่ได้รับพระราชทาน แต่ยังไม่ทันถึงเที่ยงคืน ลูกก็ขอกราบถวายบังคมทูลลาไปนอนก่อน

ในช่วงเดือนมกราคม 2549 ซึ่งพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เจริญพระชันษาครบ 9 เดือน พระองค์ทรงนิพนธ์ว่า "2 มกราคม 2549 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ต้องให้คุณหมอถวายการรักษาพระเนตรที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตากุ้งยิง"


คุณหมอต้องวางยาสลบ และสะกิดตุ่มขาวๆ ออก เป็นครั้งแรกที่ลูกร้องไห้มาก พ่อแม่หัวใจแทบสลาย ทูลกระหม่อมพ่อทรงเครียดมาก แม่เองก็เครียด แม่ทำได้ดีที่สุดคือ การกอดลูกไว้ตลอดเวลาและบอกกับลูกว่า "พ่อและแม่รู้ว่าลูกเจ็บ แต่เดี๋ยวเดียวลูกก็ต้องหาย"

และในเดือนเดียวกันวันที่ 8 มกราคม 2549 พระองค์ทรงบันทึกถึง "วันตัดเค้กกับพี่หญิง" ว่า วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติพี่หญิง พี่ภาเสด็จมาร่วมอวยพรด้วย ลูกของแม่แจมทุกรายการ จากนั้น ก็ถึงเวลาที่รอคอย ลูกของแม่ได้ร่วมเป่าเทียนและตัดเค้กกับพี่หญิง ปีหน้าลูกคงจะเป็นต้นเสียงร้องเพลง Happy Birthday ถวายอย่างแน่นอน

ในตอนท้ายพระองค์ทรงนิพนธ์ถึงวันสำคัญวันหนึ่งคือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2549 ว่า "รักสมเด็จย่า" ในช่วงวันสำคัญลูกจะต้องขอเข้าเฝ้าฯสมเด็จย่าเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน ลูกได้เตรียมช่อดอกไม้งามไปถวายสมเด็จย่าในวันแห่งความรัก

อีกทั้งยังทรงบันทึกถึงวันที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน 2549 "ถวายพระพรทูลกระหม่อมอาน้อย" ลูกของแม่ตื่นแต่เช้าเพื่อนำพวงมาลัยไปถวายทูลกระหม่อมอาน้อย เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ณ ศาลาอเนกประสงค์ที่วังไกลกังวล ทำตาหวานโผเข้าหาอ้อมพระกรและย่างเท้าอวดทูลกระหม่อมอาด้วย


วันที่ 2 เมษายน 2549 "ชมทะเลกับทูลกระหม่อมปู่" ทุกครั้งที่พาลูกเข้าเฝ้าฯทูลกระหม่อมปู่ แม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อลูกของแม่ วันนี้ก็เช่นกัน ทูลกระหม่อมปู่ประทับนั่งริมชายหาด กำลังทรงถ่ายรูปสุนัขทรงเลี้ยง

เมื่อลูกกราบถวายบังคม ทูลกระหม่อมปู่ก็ทรงหันมาทักทายด้วยความรักและเมตตา ลูกของแม่เพลิดเพลินที่ชายหาด กำทรายจะเข้าปาก คุณทองแดงวิ่งเข้ามาสังเกตการณ์เป็นระยะๆ และมาเลียที่มือของลูก ลูกอาจจะตกใจบ้างเป็นธรรมดา เลยร้องไห้เล็กน้อย

ในบทสุดท้าย พระองค์ทรงนิพนธ์ในตอนหนึ่งว่า "วันนี้ลูกของแม่เริ่มเกาะยืน และหัดเดินได้บ้างแล้ว เรื่องใดที่อาจเป็นอันตราย แม่ยิ่งต้องระมัดระวัง แต่เรื่องใดที่เป็นการเรียนรู้ ลูกจะต้องทดลองด้วยตัวเอง รู้ที่จะล้มและลุกขึ้นยืนใหม่ แม่เชื่อว่าก้าวแรกที่มั่นคงและมั่นใจจะนำไปสู่ความแกร่งกล้าในวันหน้า สมดังที่ทูลกระหม่อมปู่ทรงสอนแม่ว่า

"อย่าประคบประหงมลูกมาก ปล่อยให้เล่นเหมือนเด็กธรรมดา ให้มีภูมิคุ้มกัน เพราะต่อไปลูกจะต้องอยู่ด้วยตัวเอง ต้องดูแลตัวเองได้" เป็นพระราชดำรัส ที่ทูลกระหม่อมพ่อ และแม่ขอยึดเป็นหลักชัยในการเลี้ยงลูกต่อไป"


webmaster - 25/1/09 at 09:51

(Update 25 ม.ค. 52)

พระองค์ที-พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีเสด็จงานวันเด็ก


เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 10 ม.ค. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จพระดำเนินมาเป็นองค์ประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2552 ณ พื้นที่โครงการส่วนพระองค์ 904 สองพระองค์เสด็จยังแท่นพิธีเพื่อกดปุ่มเปิดงานปล่อยลูกโป่งสีฟ้า ขาว ส้ม

ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครงการสายใยแห่งครอบครัวรักขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นผู้แทนของส่วนราชการต่างๆ ทูลเกล้าถวายของขวัญแด่ พระองค์หญิงและพระองค์ที พร้อมกราบทูลเชิญประทานทุนการศึกษา และประทานรางวัลชนะเลิศ แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติของห้องสมุดทีปังกรรัศมีโชติ

เมื่อได้เวลาที่ทั้ง 2 พระองค์ เสด็จพระดำเนินตามซุ้มต่างๆ ที่ซุ้มกัลปพฤษ์ พระองค์หญิงทรงร่วมจัดหน้าเค้ก พร้อมตัดเค้กถวายเด็กๆ ที่มาร่วมงาน ถัดมามีการสาธิตการทำสายไหม สองพระองค์สนพระทัยในวิธีการทำ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธิตพร้อมทูลเกล้าถวายสายไหม

เมื่อพระดำเนินถึงซุ้มโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว พระองค์หญิงทรงประทานฝีพระหัตถ์ด้วยสีชอล์กบนถุงผ้าใบเล็ก เป็นรูปดอกไม้สีแดง มีก้านสีเขียว พร้อมลงพระนาม ในช่วงที่เสด็จยังซุ้มกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พระองค์ทีทรงเล่นขี่ตุ๊กตาพลาสติกรูปกวางสีแดงอีก

ภาพและข่าว - www.thainewsland.com


webmaster - 29/4/09 at 09:16

วันคล้ายวันประสูติ "พระองค์ทีฯ"



ภาพ : pantip.com

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในวันที่ 29 เมษายน 2552 ด้วยพระองค์มีพระประสูติกาล เมื่อวันที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2548 เวลา 18.35 น. มีน้ำหนัก 2,680 กรัม และในปีนี้ทรงเจริญพระชันษา 4 ปี

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ เนื่องจากทรงได้รับพระกษีรธาราจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระมารดาอย่างใกล้ชิด และได้ทรงเข้าร่วมโครงการจัดการศึกษา และพัฒนาการก่อนปฐมวัย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การให้ และการแบ่งปัน ส่งผลให้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ มีพระอารมณ์ดี และมีพระอัจฉริยภาพสูง

ด้วยวาระอันเป็นศุภมงคลที่จะมาถึงนี้ ข้าพระพุทธเจ้าในนาม "คณะเว็บตามรอยพระพุทธบาท" ขอถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย คุณของพระสยามเทวาธิราช และพระบารมีแห่งบุรพกษัตริย์แห่งจักรีวงค์ทั้งหลาย ขอได้โปรดอภิบาลรักษาพระองค์ให้มีแต่ความสันติสุข มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระสติปัญญาเฉลียวฉลาด เพื่อเป็นที่พึ่งต่อพสกนิกรชาวไทยในอนาคตต่อไปเทอญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

คณะทีมงาน "เว็บตามรอยพระพุทธบาท"





ภาพ : yenta4.com
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประทานพระนิพนธ์เรื่อง "พัฒนาการในด้านต่างๆ ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ" แก่นิตยสารเรียลพาเรนติ้ง ที่ตีพิมพ์ในฉบับเดือนเมษายน พร้อมพระฉายา ลักษณ์พระองค์ที มีใจความส่วนหนึ่ง ดังนี้

- พัฒนาการในด้านพระวรกาย
.......เผลอแป๊บเดียว พระองค์ทีจะมีชันษา 4 ปีแล้ว ทรงมีสุขภาพแข็งแรงมาก ทรงมีพระน้ำหนัก 15.2 กิโลกรัม และพระส่วนสูง 101 เซนติเมตร ท่านทรงมีพัฒนาการดีมาก โปรดศิลปะ การดนตรี โปรดร้องเพลงพร้อมเต้นไปด้วย โดยเฉพาะเพลงการ์ตูนพระพิฆเณศวร รำวงวันลอยกระทง งามแสงเดือน และจีบนิ้วรำวงได้ ทรงร้องเพลงรีรีข้าวสารได้ แต่ไม่ทรงเล่น ยังโปรดแต่งเนื้อร้องเอง โดยอิงทำนองที่ทรงได้เคยฟังมาหรือคุณครูสอน บางครั้งก็ทรงคิดขึ้นมาเองแบบไม่มีความหมาย

- พระนิสัยและพระอารมณ์
.......ไม่โปรดให้ใครขัดพระทัย ถ้ามีใครทำให้ขัดพระทัยขึ้นมาจะทรงนิ่งแล้วดูดพระอังคุฐทันที และซบหาผู้ใกล้ชิดโดยไม่รับสั่งอะไรอีก แต่ถ้าได้อธิบายเหตุผลให้ฟัง ท่านจะทรงฟังและทรงคิดเอง

ทรงมีพระเมตตาและห่วงใยผู้ใกล้ชิดเสมอ โปรดที่จะประทานของ เช่น ขนมให้พระสหาย หรือถ้าอยู่พระตำหนักจะประทานให้ข้าราชบริพารทุกคนที่ถวายงานอยู่

ในด้านพระอารมณ์นั้น ทรงมีพระอารมณ์แจ่มใส ร่าเริงมาก น้อยครั้งมากที่จะทรงหงุดหงิด โปรดร้องเพลง เช่น ลัลลาบาย ลอยกระทง Sha la la la กล้วยไม้ คิดถึง เพลงไหนที่ทรงจำเนื้อเพลงไม่ได้จะทรงฮัมเพลงแล้วรับสั่งว่า "ลูกจำเนื้อไม่ได้"

- พัฒนาการในการรับสั่ง
.......ตอนนี้พระองค์ทีรับสั่งเก่งมาก เมื่อพบเห็นสิ่งใดแปลกจะทรงซักถามแม่หรือข้าราชบริพารที่ถวายงาน และทุกคนต้องตอบ ไม่อย่างนั้นจะทรงถามเรื่อยๆ ถ้ายังไม่เข้าพระทัย จะรับสั่งถามต่อ ขณะนี้ยังทรงออกเสียงพยัญชนะบางตัวไม่ชัด เช่น ร เรือ ล ลิง ยังทรงออกพระสุรเสียงเป็น ง งู อยู่

- พระกระยาหารโปรด
.......ในช่วงนี้หนักไปทางอาหารฝรั่งเป็นส่วนมาก โปรดเสวยชีสเกือบทุกชนิด โดยเฉพาะชีสทรงลูกบาศก์ กลิ่นแฮม พิซซ่ายี่ห้อ The Laugh ซึ่งพี่หญิง (พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ) ซื้อประทาน โปรดขนมปังกระเทียม ชีสผักโขมอบกรอบ ผักโขมอบชีส มะกะโรนีกราแตง

ถ้าเป็นอาหารไทย จะมีแกงจืดหมูสับ แครอต เห็ดหูหนู ซึ่งเวลาเสวยจะเรียกว่าเป็นเนื้อจระเข้ ผลไม้โปรดเสวยกล้วยหอม กล้วยไข่ ถ้าเป็นขนมจะโปรดแครกเกอร์กรอบจิ้มชีส โดยเฉพาะแครกเกอร์มหามงคลของวังสวนจิตรลดา ขณะนี้ลดการผลิต ไม่มีให้เสวย ก็จะเปลี่ยนเป็นแครกเกอร์จิ้มซอสขาว หรือทาร์ทาร์ซอสแทน

- ของเล่นและสัตว์เลี้ยงโปรด
......สัตว์เลี้ยงที่ทรงโปรดเป็นพิเศษในขณะนี้คือเต่า โปรดให้จับเต่าออกมาเดินเล่นในสวน และรับสั่งถามว่าเต่าชนิดนี้ชื่ออะไร เพราะทรงมีหลายพันธุ์มาก

นอกจากนี้ ทรงโปรดปลาทอง โปรดทอดพระเนตรปลาว่ายน้ำ ทรงเห็นว่าครีบสวย แล้วปากของปลาจะฮุบกินตลอด

นอกจากนี้ ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 1 ตัว ชื่อ F5 ที่คอยมาถวายงานองค์ทีอีก 1 ตัว ที่แม่ยกให้เป็นข้าหลวงประจำตัวองค์ที

ของเล่นที่ทรงโปรด มีรถยนต์ เครื่องบิน รถไฟวิ่งบนราง ตัวต่อบล็อกไม้ เครื่องเล่น สนามไต่บันไดเชือก หน้าผาจำลอง โปรดเฮลิคอป เตอร์ที่ได้รับพระราชทานจากทูลกระหม่อมพ่อมากที่สุด เวลาเล่นของเล่นจะทรงสร้างจินตนาการในการเล่นด้วยพระองค์เอง เป็นเรื่องเป็นราว

- เรื่องเล่าน่ารักขององค์ที
เมื่อเสด็จไปถึงโรงเรียน องค์ทีจะเสด็จไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ทูลกระหม่อมปู่ กราบพระพุทธรูป 3 องค์ และรับสั่งอัญชลี วันทา อภิวาท เมื่อทรงได้ยินเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือทรงร้องเพลงนี้เองจะทรงยืนตรงทันที หรือทุกครั้งที่ประทับรถผ่านวังสวนจิตรลดา จะยกมือไหว้ เมื่อแม่ถามว่า ไหว้อะไร ลูกจะรับสั่งว่า "ไหว้ทูลกระหม่อมปู่กับสมเด็จย่า" เวลาผ่านพระบรมฉายาลักษณ์ของทูลกระหม่อมปู่กับสมเด็จย่า ตามเส้นทางที่นั่งรถผ่านก็ยกมือไหว้ทุกครั้งเช่นกัน

จาก นสพ.ข่าวสด


webmaster - 30/4/09 at 08:10


เวลาผ่านไปรวดเร็ว วันที่ 29 เมษายน 2552 นี้ "เจ้าชายองค์น้อย" พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสที่น่ารักใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ก็ทรงเจริญพระชันษาครบ 4 ปีแล้ว ทรงมีสุขภาพแข็งแรง พระน้ำหนัก 15.2 กิโลกรัม และส่วนสูง 101 เซนติเมตร


ความน่ารักของ "เจ้าชายองค์น้อย" ได้รับการถ่ายทอดจาก "เสด็จแม่" ในหนังสือ Real Parenting ด้วยความรักและความเอ็นดูว่า พระองค์ทีทรงมีพัฒนาการดีมาก โปรดศิลปะ การดนตรี โปรดร้องเพลงพร้อมเต้นไปด้วย โดยเฉพาะเพลงการ์ตูนพระพิฆเนศร รำวงวันลอยกระทง งามแสงเดือน และจีบนิ้วรำวงได้และยังโปรดแต่งเนื้อร้องเองโดยอิงทำนองที่ทรงเคยได้ฟังมาหรือคุณครูสอน บางครั้งก็ทรงคิดเองแบบไม่มีความหมาย


ส่วนพระอารมณ์และพระนิสัย ทรงมีความมั่นพระทัยมากในเรื่องที่ทรงทำได้ อย่างทรงร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จะทรงร้องด้วยพระสุรเสียงดัง แต่ในบางเรื่องที่ยังไม่ทรงชำนาญ จะทรงสังเกตและทอดพระเนตรพระสหาย แล้วเก็บข้อมูลเพื่อที่จะทรงนำมาฝึกฝน และทรงมีพระอารมณ์ แจ่มใส ร่าเริงมาก น้อยครั้งที่จะทรงหงุดหงิด โปรดร้อง เพลง เช่น ลัลลาบาย ลอยกระทง Sha la la กล้วยไม้ คิดถึง เพลงไหนที่ทรงจำเนื้อเพลงไม่ได้จะทรงฮัมเพลงแล้วรับสั่งว่า "ลูกจำเนื้อไม่ได้"


นอกจากนี้ ยังมีเรื่องพระจริยาวัตรของ "พระองค์ที" ที่พระองค์หญิงศรีรัศมิ์ฯ ทรงเขียนไว้ว่า เมื่อเสด็จไปถึงโรงเรียน องค์ทีจะเสด็จไปกราบพระบรมฉายาลักษณ์ ทูลกระหม่อมปู่ กราบพระพุทธรูป 3 องค์ และรับสั่งอัญชลี วันทา อภิวาท เมื่อทรงได้ยินเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี หรือทรงร้องเพลงนี้เองจะทรงยืนตรงทันที หรือทุกครั้งที่ประทับรถผ่านวังสวนจิตรลดาจะยกมือไหว้ เมื่อแม่ถามว่าไหว้อะไร ลูกจะรับสั่งว่า "ไหว้ ทูลกระหม่อมปู่กับสมเด็จย่า" เวลาผ่านพระบรมฉายาลักษณ์ของทูลกระหม่อมปู่และสมเด็จย่าตามเส้นทางที่นั่งรถผ่านก็จะยกมือไหว้ทุกครั้งเช่นกัน


และด้วยพระชันษาที่เจริญวัยขึ้นเรื่อยๆ ทรงมีความคิดเป็นของพระองค์เองและรับสั่งเก่งขึ้นมาก "พระองค์ที" จึงมิทรงเขินอายที่จะรับสั่ง กับผู้สื่อข่าว "หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ขณะทรงทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆในช่วงปิดภาคเรียน เมื่อทรงรู้ว่าจะต้องเก็บไข่ใส่ตะกร้า "พระองค์ที" มีรับสั่งเล่าถึงเรื่องไข่ได้ อย่างฉะฉานว่า "ไก่ออกลูกเป็นไข่ ในไข่มีลูกเจี๊ยบ" และทรงเพลิดเพลินกับการหาไข่ที่คุณครูนำไปวางซ่อน ไว้บนสนามหญ้า

เมื่อทอดพระเนตรเห็นเต่าอยู่ในบ่อเล็กๆ ทรงมีรับสั่งถามด้วยความอยากรู้ว่า "รู้มั้ย เต่าร้องอย่างไร" เมื่อไม่มีใครตอบได้ พระองค์ทีก็รับสั่งว่า "พระองค์ทีก็ไม่รู้" และพระดำเนินเข้าไปใกล้ๆบ่อเลี้ยงเต่าเพื่อทรงค้นหาเสียงร้องของเต่า เมื่อถึงเวลาเที่ยง ขณะดำเนินผ่านซุ้มอาหาร "พระองค์ที" รับสั่งด้วยพระสุรเสียงที่นุ่มนวลว่า "กลิ่นอะไร หอมจัง" เมื่อทรงรู้ว่าเป็นกลิ่นหอมของไข่พะโล้ จึงประทับนั่งที่เก้าอี้ และทรงช่วยเหลือพระองค์เอง โดยทรงตักข้าวใส่จาน และเสวยข้าวไข่พะโล้ พร้อมกับทรงยกนิ้วโป้งขึ้นและรับสั่งว่า "อร่อยมาก"


เช่นเดียวกับบทสัมภาษณ์ในนิตยสารแพรวฉบับล่าสุด "พระองค์ที" ทรงเล่าถึงสิ่งที่ทำหลังตื่นบรรทมได้อย่างสนุกสนานว่า แปรงฟัน (ทรงฮัมเพลง) "แปรงฟันทุกวัน ฟันสะอาดจัง" แล้วก็อาบน้ำ (ทรงฮัมเพลงอีก) "อยู่ในน้ำ ตัวเราสะอาดดี ดิ่วดิวดิ๊ว" พระองค์ทีตีกรรเชียงให้พี่ปลาวาฬพ่นน้ำ แล้วให้พี่เต่าดำน้ำ ถ้าโตกว่านี้พระองค์ทีจะดำน้ำเป็นมนุษย์กบ ตอนนี้ถ้าเล่นน้ำในสระต้องใส่ชูชีพด้วย เดี๋ยวจม


เมื่อทูลถามว่าพระองค์ทีทรงเป็นเด็กดีหรือเด็กดื้อ ทรงอธิบายว่า เด็กดื้อ (สรวล) ถ้าดื้อต้องโดนกินยา (ขณะนั้นต้องทรงเสวย ยาแก้เจ็บพระกรรณด้วย แต่ทรงหันไปต่อรองกับพยาบาลว่ายังไม่เสวย) พระองค์ทียังไม่กิน ต้องรอให้สามโมงเท่าครึ่ง (ทรงหมายถึงบ่ายสามโมงครึ่ง) "อุโมงค์" (ทรงหมายถึงพระโอษฐ์) ถึงจะเปิด

ถ้าโดนฉีดยา พระองค์ทีจะเจ็บนิดหน่อยแต่ไม่ร้องไห้ เพราะ...พระองค์ทีเก่ง ส่วนคำถามที่ว่าทรงเรียนภาษาอังกฤษวันอาทิตย์ด้วย สนุกไหมเพคะ (ทรงนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง) ก่อนรับสั่งว่า เวลาขอความช่วยเหลือต้องบอก "Helpme? please...open please"

สมแล้วที่ทรงเป็นเจ้าชายพระองค์น้อยขวัญใจปวงชนชาวไทย มิเพียงแต่ จะมีพระอัธยาศัยงดงามน่าทึ่ง ยังทรงเบิกบานแจ่มใส ช่วยเติมเต็มรอยยิ้มและสร้างความสุขแก่พสกนิกรชาวไทยเรื่อยมา.

ข้อมูลและภาพ - www.thairath.com


webmaster - 27/7/09 at 20:47

(Update 27/07/52)


รายงานข่าว - วันที่ 27 ก.ค. 2552 เวลา 17.00 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ไปทรงเปิดป้ายชื่อ "โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์" (วัดโบสถ์) ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ-ราชกุมาร ซึ่งทรงรับไว้เมื่อปี 2549

เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และพระราชทานนามโรงเรียนว่า "ทีปังกรวิทยาพัฒน์ วัดโบสถ์"มีความหมายว่า การพัฒนาการศึกษาจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติพร้อมทั้งพระราชทานความช่วยเหลือในการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนในด้านต่างๆ

ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 มีนักเรียน 629 คน โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการและกิจกรรมการเรียนการสอน รวมทั้งโครงการเปิดบ้านสืบสานสายใยรักแห่งครอบครัวในโรงเรียน โดยมีการดำเนินงานโครงการพระราชทานธนาคารขยะรีไซเคิล เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักการคัดแยกขยะ และประหยัดอดออม โดยมีกำลังพลเข้าไปเผยแพร่ความรู้ที่โรงเรียน ทั้งยังให้เข้าไปศึกษาดูงานในพื้นที่โครงการในพระองค์ 904

ปัจจุบัน นักเรียนจะคัดแยกขยะจากบ้านมาที่โรงเรียนทุกวันศุกร์ เพื่อจำหน่ายเป็นเงินออม นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมยุวเกษตรกร และเพาะเห็ดเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชผักสวนครัว และพืชสมุนไพร โดยใช้พื้นที่ที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นการปลูกในกระถาง สามารถนำผลผลิตกลับไปบริโภค และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ที่บ้านเสมือนเป็นตู้เย็นข้างบ้าน ที่ช่วยลดค่าใช้จ่าย

จากนั้น ทอดพระเนตรศูนย์ปฐมวัยสายใยรักแห่งครอบครัว ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมพัฒนาการอย่างเหมาะสมตามวัยให้แก่นักเรียนและเด็กในชุมชน ส่วนห้องสมุดคุณภาพประจำโรงเรียน จัดตั้งขึ้นเพื่อปลูกฝังให้รักการอ่าน โดยสร้างบรรยากาศดึงดูดความสนใจของเด็ก และมีหนังสือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตให้ค้นคว้าหาความรู้ และประยุกต์ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างเป็น อีบุ๊ก (E-book)

เวลา 18.15 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จออกแทนพระองค์ ณ วังศุโขทัย พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์พระวรชายาฯ

พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะกรรมการจัดทำหนังสือ "พระมหากษัตริย์นักกีฬา"ผู้บริหาร และผู้ให้การสนับสนุน เฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือ "พระมหากษัตริย์นักกีฬา" ปกทองคำ หนังสือปกผ้าไหม หน้าปกประดิษฐานพระบรมรูปทำด้วยทองคำ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

เวลา 18.25 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกพร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาพระราชทานพระราชวโรกาสให้ นางจุฬารัตน์ บุณยากร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นำพระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร รองเจ้าคณะภาค 13 และคณะกรรมการจัดสร้างสายสังวาลถวายพระพุทธเทวราชปฏิมากร พระพุทธรูปประจำอุโบสถ ซึ่งประกอบด้วยพระภิกษุ และฆราวาส เฝ้าถวาย และเฝ้าทูลละอองพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสายสังวาลดังกล่าว เพื่อทรงพระสุหร่าย และทรงเจิม

เวลา 18.47 น. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด นำคณะกรรมการบริหารบริษัทฯ และครอบครัวเฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายพระพร และทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ วันที่ 28 กรกฎาคม 2552

ที่มา - ช่อง 7 สี


webmaster - 21/8/09 at 09:14

(Update 21/08/52)

เตรียมชุดให้ "พระองค์ที"ชมแพนด้า


ฉลองพระองค์-สวนสัตว์เชียงใหม่ แสดงชุดที่จะถวายพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ฉลองพระองค์ระหว่างเสด็จชมแพนด้าน้อยหลินปิง ในวันที่ 22 ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผู้ช่วยผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับหนังสือด่วนที่สุดที่ ชม 0016.3/25806 เรื่องการเตรียมการรับเสด็จ และกำหนดการเสด็จของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และพระสหาย ประมาณ 30 ท่าน จากทางจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายชูชาติ กีฬาแปง รองผวจ. ซึ่งทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ตามกำหนดการ พระองค์ท่านจะเสด็จมาถึงสวนสัตว์ในช่วงเวลา 13.00 น. ทอดพระเนตรสัตว์ต่างๆ ประกอบด้วยลูกแพนด้า และครอบครัว ทรงลงพระนามในสมุดเยี่ยม ระหว่างทอดพระเนตรแพนด้าที่ด้านนอกคลินิกแพนด้า เข้าทอดพระเนตรเมืองหิมะ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ และหมีโคอาล่า สมควรแก่เวลา ประทับรถบริการนำเที่ยวเสด็จไปยังร้านผาลาดตะวันรอนในสวนสัตว์ เสวยพระกระยาหาร ณ ร้านผาลาดตะวันรอน จากนั้นเสด็จต่อไปยังเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าแห่งประเทศไทย สวนสัตว์เชียงใหม่ นำชุดฉลองพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ มาแสดงให้ผู้สื่อข่าวได้บันทึกภาพ

นายประเสริฐศักดิ์ เปิดเผยว่า ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้จัดเตรียมชุดฉลองพระองค์ ของทั้ง 2 พระองค์ พระพี่เลี้ยง และช่างภาพ รวม 4 ชุด โดยนายโสภณ ดำนุ้ย ผอ.องค์การสวนสัตว์ ได้กำชับในเรื่องของความปลอดภัย ช่วงนี้พิจารณาดูพบว่า หลินปิงมีเล็บยาวและแหลมมาก อาจจะเป็นอันตรายได้ ทางทีมงานจึงได้จัดเตรียมถุงมือไว้ที่จะใส่ให้กับหลินปิงในช่วงที่มีการเสด็จในวันที่ 22 ส.ค.

นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับแพนด้าช่วงช่วง มีแผนให้เข้าไปอยู่ในโดมหิมะในช่วงเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ เริ่มแรกก็จะให้เข้าไปครั้งละ 10 นาที แล้วจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 นาที และค่อยๆเพิ่มเวลาให้นานขึ้น ขณะนี้ทางสวนสัตว์ได้สร้างอุโมงค์เชื่อมต่อจากส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าไปยังโดมหิมะ ความยาวประมาณ 200 เมตร ให้หมีแพนด้าเดินไปโดมหิมะ

ส.พญ.กรรณิกา นิ่มตระกูล สัตวแพทย์สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับสุขภาพหลินฮุ่ย และหลินปิง รวมทั้งช่วงช่วง ถือว่าปกติ ในวันที่ 19 ส.ค. จะมีการตรวจสุขภาพอีกครั้งตามกำหนดการ สำหรับหลินปิงนั้นทางทีมงานและสัตวแพทย์เริ่มเรียกชื่อมาตลอด หลังจากได้ชื่ออย่างเป็นทางการ เพื่อให้หลินปิงคุ้นกับชื่อ

สำหรับเรื่องการฝึกจะใช้ภาษาไทย เช่นเดียวกับหลินฮุ่ยและช่วงช่วง เบื้องต้นจะแสดงท่าประกอบให้หมีแพนด้าเห็น เช่น ขอมือ ก็จะแบมือไป และพูดว่า ขอมือ นอนก็จะบอกว่า นอน และล้มตัวลงนอนให้หมีแพนด้าเห็น จนเขาทำตาม

"ก่อนหน้านี้มีอยู่ครั้งหนึ่ง ช่วงช่วงไปกัดกินใบบอนที่เกิดขึ้นเองในส่วนจัดแสดง ถึงกับน้ำลายฟูมปาก เขารีบวิ่งไปเช็ดปากตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นอันตรายมาก จากนั้นช่วงช่วงจะไม่เข้าใกล้ต้นบอนอีกเลย" ส.พญ.กรรณิกา กล่าว

ที่มา - www.khaosod.co.th



เชียงใหม่ทุ่มงบ ฉลอง100วัน หลินปิงยิ่งใหญ่



สวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมถวายคำแนะนำในวิธีการอุ้มที่ถูกวิธีแด่พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ หลังหลินปิงไม่ยอมใส่ถุงมือ ขณะเดียวกันเล็งจัดฉลอง 100 วัน ตามธรรมเนียมจีน 4 ก.ย.นี้...

แพนด้าหลินปิง อายุ 85 วัน การพัฒนาการโดดเด่นขึ้นทุกวัน โดยเมื่อเวลา 14.00 น.ที่ผ่านมา(20 ส.ค.)นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย และสัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ นิ่มตระกูล ได้นำถุงมือจำนวน 2 คู่ ไปทดลองทำการใส่ให้เท้าทั้ง 4 ของแพนด้าหลินปิงเพื่อป้องกันเล็บอันแหลมคม

ในการเตรียมรับเสด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯพร้อมพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ หากมีพระประสงค์จะอุ้มแพนด้าน้อย ซึ่งการทดลองใส่ถุงมือเป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากแพนด้าหลินปิงตั้งท่าขัดขืนไม่ยอมให้ใส่ และเมื่อใส่ได้แพนด้าหลินปิงก็ได้พยายามจะใช้เท้าถูไถจนหลุดออก



นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยฯได้เปิดเผยว่า เนื่องจากในวันที่ 22 ส.ค.นี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ จะเสด็จมาชมแพนด้า โดยเฉพาะ หลินปิง ทางสวนสัตว์เชียงใหม่ได้พยายามหาถุงมือมาใส่ให้ เพราะหลินปิงนั้นมีเล็บยาวเกรงว่าพระองค์ท่านหากทรงอุ้มหลินปิง จะได้รับอันตรายจากเล็บ

โดยทางสวนสัตว์ได้ไปหาถุงมือหลายๆ ขนาดมาทดลองให้หลินปิงได้สวมใส่ ในที่สุดแล้วก็ไปได้ถุงหุ้มกระปุกเกียร์ที่ร้านประดับยนต์ ซึ่งมีลวดลายปักเป็นรูปของแมว และได้ทดสอบนำให้หลินปิงได้ใส่ ปรากฏว่าหลินปิงรู้และพยายามงอข้อมือพับลงทำให้ใส่ยาก ทางทีมงานได้ตัดสินใจยกเลิกการใส่ และสิ่งที่ดีที่สุดคือ ทีมงานจะถวายคำแนะนำในวิธีการอุ้มที่ถูกวิธี พร้อมเตรียมถุงมือไว้ด้วย

ส่วนกรณีน้องเคอิโงะ ที่จะเดินทางมาชมหมีแพนด้าในวันที่ 28 ส.ค.นั้น นายประเสริฐศักดิ์ ได้กล่าวว่า ได้มีการตกลงกันว่า อยากจะให้มาในช่วงของวันที่ตรวจสุขภาพหลินปิง จะได้มีการจัดโปรแกรมจัดอะไรให้น้องเคอิโงะ ได้รับความสะดวกมากที่สุด

สาเหตุที่ทางสวนสัตว์ให้น้องเคโงะ ได้เข้าชมและสัมผัสแพนด้าน้อยเป็นกรณีพิเศษ เพราะว่า น้องเคโงะ นั้นมีความตั้งใจที่จะตามหาพ่อจนประสบผลสำเร็จ และเป็นเด็กดี ทางสวนสัตว์จึงสนับสนุนเชิดชูความตั้งใจความเพียรความดีของเด็กคนนี้ และเป็นการสนองตอบความตั้งใจของเคโงะด้วยที่อยากจะเข้ามาดูอยากเข้ามาสัมผัสแพนด้าหลินปิง



นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการฉลองครบรอบ 3 เดือนของหลินปิง ในวันที่ 27 ส.ค.52 คงต้องเลื่อนไปจัดวันครบรอบ 100 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ก.ย.52 เป็นโอกาสเหมาะที่ตรงกับชาวจีนที่มักจะจัดเฉลิมฉลองให้กับเด็กทารกที่อายุครบ 100 วัน จะจัดงานใหญ่ภายในบ้านภายในครอบครัว มีผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดี พร้อมทั้งมอบของขวัญอังเปา ให้กับเด็กน้อยอายุครบ 100 วัน เราก็จะจัดครบรอบ 100 วันให้กับห ลินปิง ซึ่งตรงกับวันที่ 4 กย.52 โดยจะจัดกิจกรรมวันเสาร์-อาทิตย์ต่อเนื่องไปด้วย.

ที่มา - www.thairath.co.th


webmaster - 22/8/09 at 20:28

(Update 22/08/52)

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ
พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทอดพระเนตรแพนด้า ที่สวนสัตว์เชียงใหม่


22-08-2552 | 17:25 l
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในฐานะทรงเป็นประธานอุปถัมภ์สโมสรผู้รักสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ทอดพระเนตรลูกแพนด้า "หลินปิง" ซึ่งเกิดจากการผสมเทียมระหว่างแพนด้า "ช่วงช่วง" กับ "หลินฮุ่ย" เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2552

ปัจจุบันมีอายุ 87 วัน มีน้ำหนักกว่า 6,000 กรัม และมีพัฒนาการเร็วกว่าลูกแพนด้าตัวอื่นๆ อาทิ สามารถคลานได้ไกลมากขึ้น โดยจะคลานไปหาแม่ "หลินฮุ่ย" ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง ทั้งยังมีการเจริญเติบโตทางร่างกาย และน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

พร้อมกันนี้ ยังทรงให้อาหารแพนด้า "ช่วงช่วง" ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ประเทศไทยยืมจัดแสดง พร้อมกับแพนด้า "หลินฮุ่ย" ในฐานะทูตสันถวไมตรีไทย-จีน ตั้งแต่ปี 2546 โดยมีชื่อไทยว่า "เทวัญ" กับ "เทวี" และมีชื่อล้านนาว่า "คำอ้าย" กับ "คำเอื้อย"

ที่มา - www.ch7.com



วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552 | เวลา 17:56:37 น. | มติชนออนไลน์


พระองค์ทีฯทรงถาม"หมีอยู่ไหน" ทอดพระเนตร"หลินปิง"ทรงจับ-ลูบแพนดาน้อย

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเยี่ยมชมครอบครัวแพนดาและส่วนต่างๆ ในสวนสัตว์เชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 22 สิงหาคม พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในฐานะประธานอุปถัมภ์สโมสรผู้รักสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ทรงเยี่ยมชมครอบครัวแพนดาและส่วนต่างๆ ในสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยมีนายชุมพร แสงมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ นายธนภัทร พงษ์ภมร ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เฝ้ารับเสด็จ

ทั้งสองพระองค์ประทับรถบริการนำเที่ยวจากบริเวณหน้าสวนสัตว์เข้ามายัง โครงการวิจัยและจัดแสดงแพนดาในประเทศไทยพร้อมพระสหาย 10 ครอบครัว ก่อนเสด็จเข้าสู่คลินิกแพนดาเพื่อเยี่ยมชม "หลินปิง" แพนดาน้อยที่มีอายุครบ 87 วัน ด้วยท่าทีตื่นเต้น โดยมีนายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัย ส.พญ.กรรณิการ์ นิ่มตระกูล สัตวแพทย์ประจำตัวแพนดา นำชุดฉลองพระองค์คลุมมาให้เปลี่ยนก่อนนำเข้าชมพร้อมพระญาติสนิท

ระหว่างเสด็จเข้าไปรอในคลินิกแพนดา พระองค์ทีฯตรัสถามทีมวิจัยว่า "หมีอยู่ไหน" เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นมีผ้าคลุมโดยหลินปิงอยู่ภายในมาถึง ทรงตื่นเต้น เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมออกและเห็นหลินปิงอยู่ในตะกร้า พระองค์ทีฯทรงกระโดดด้วยความดีพระทัยและทอดพระเนตรอย่างไม่ละสายตา

จากนั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ทรงอุ้มหลินปิงขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดอย่างทรงเอ็นดู ขณะที่พระองค์ทีฯทรงให้ความสนพระทัยใช้พระหัตถ์จับและลูบตามลำตัวและส่วนต่างๆ ของหลินปิงตลอดเวลา ใช้เวลาทอดพระเนตรประมาณ 20 นาที ก่อนที่พี่เลี้ยงจะนำหลินปิงไปคืนแม่หลินฮุ่ย ทั้งสองพระองค์ทอดพระเนตรการเลี้ยงดูลูกของหลินฮุ่ยอย่างสนพระทัยอยู่นาน 5 นาที

ส.พญ.กรรณิการ์กล่าวว่า วันนี้หลินปิงมีน้ำหนักตัวถึง 6,035 กรัม ระหว่างสองพระองค์เสด็จเข้าทอดพระเนตรหลินปิงในคลินิกแพนดา พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ทรงอุ้มแพนดาและตรัสต่อพระองค์ทีฯ ที่เล่นกับหลินฮุ่ยว่า"ทรงเล่นกับหลินปิง ต้องจับเบาๆ นะลูก" ระหว่างพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯทรงอุ้มแพนดาน้อยยังรับสั่งกับหลินปิงว่า "น่ารักมาก มีบุญมากที่ให้เราได้มาอุ้ม" ระหว่างนั้นพระองค์ทีฯซึ่งอยู่ใกล้ๆ มองไปเห็นตุ๊กตาแพนดาที่เจ้าหน้าที่นำมาจัดวางไว้ในคลินิก ทรงหยิบและนำมาให้หลินปิงดูและดม เหมือนทรงชักชวนให้เล่นด้วยกัน

หลังจากทอดพระเนตรและทรงเล่นกับแพนดาน้อยอยู่นาน พระองค์ทีฯจึงตรัสว่า "อยากไปอควาเรียมจะไปดูสัตว์น้ำ" พระญาติสนิทที่เข้าไปเยี่ยมชมด้วยกันบอกว่าพระองค์ทีฯทรงโปรดปลามาก พระองค์ทีฯทรงหันไปสวมกอด น.ส.รัชนีวรรณ เขจรวงศ์ นักวิจัยแพนดาพร้อมกับตรัสว่า "ขอบคุณ"


นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวว่า ในระหว่างชั่งน้ำหนักหลินปิง พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯตรัสกับพระองค์ทีฯ ว่า ตอนพระองค์ทีฯเด็กๆ ก็ต้องชั่งน้ำหนักแบบนี้เหมือนกัน พร้อมรับสั่งถามว่าพระองค์ทีฯจะเอาหลินปิงกลับไปเลี้ยงไหม แต่พระองค์ทีฯไม่ได้มีรับสั่งตอบ หากทรงหันกลับไปเล่นกับหลินปิงต่อ พยายามก้มลงไปหอม และระหว่างเล่น ทรงมีรับสั่งด้วยน้ำเสียงใจดีว่าจะไปไหน หลินปิงส่งเสียงตอบรับทักทายพระองค์กลับมาด้วย

"ในระหว่างทั้งสองพระองค์ชมหลินฮุ่ยอุ้มหลินปิงนั้น พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯมีรับสั่งกับพระองค์ทีฯว่า เหมือนกับที่แม่อุ้มและให้นมลูกแบบนี้เหมือนกันตอนที่ลูกยังเด็กŽ นายประเสริฐศักดิ์กล่าว และว่า ระหว่างที่เสด็จกลับออกมาจากคอกกัก พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯรับสั่งกับนายโสภณ ดำนุ้ย ว่า ดีนะที่แพนดาทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุข"

จากนั้นทั้งสองพระองค์ประทับรถบริการนำเที่ยวเสด็จทอดพระเนตร "ช่วงช่วง" แพนดาแพศผู้ ที่ส่วนจัดแสดงแพนดา ทั้งสองพระองค์ได้ประทานช่อผลไม้ และพระองค์ทีฯทรงยื่นแอปเปิ้ลให้ช่วงช่วง 1 ลูก ใช้เวลาทอดพระเนตรอยู่ในส่วนจัดแสดง 15 นาที ก่อนทอดพระเนตรหิมะเทียมในเชียงใหม่ "ซู สโนว์โดม" และ "เชียงใหม่ ซู อควาเรียม" ทอดพระเนตร "โคอาลา"

ต่อมานายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ทูลเกล้าถวายกระเช้าของที่ระลึก ประกอบด้วยกระเป๋าเป้โคอาลา ตุ๊กตาแพนดาแม่ลูก ตุ๊กตาฉลาม และฉลองพระองค์สกรีนเป็นภาพลูกแพนดานอนหลับมีข้อความ "hey linping" นอกจากนี้ยังมีเค้กเนยสดที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษน้ำหนัก 9 ปอนด์ แต่งหน้าเป็นแพนดาน้อย พร้อมพระนามย่อ"ทป" ตัวหนังสือสีฟ้าเหลืองพร้อมสัญลักษณ์สวนสัตว์ รวมทั้งเตรียมตุ๊กตาปลานีโม่และโคอาลาเพื่อมอบเป็นของที่ระลึกให้กับพระสหายที่ตามเสด็จ


webmaster - 17/11/10 at 10:26


webmaster - 17/1/12 at 08:36

พระองค์ทีฯ ทรงพระสำราญงานวันเด็ก ปี 2555



เมื่อวันที่ 14 ม.ค. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ พื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ประจำปี 2555 ที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว และหน่วนงานภาคเอกชน จำนวน 27 หน่วยงาน ที่สนามกีฬากลางพื้นที่โครงการในพระองค์ 904 ถ.ราชวิถี


ในการนี้ ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย "งานวันเด็กแห่งชาติพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ประจำปี 2555" จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรกิจกรรมต่างๆ อาทิ ซุ้มเติมยิ้ม อิ่มอร่อย ซุ้มกัลปพฤกษ์ ซุ้มศูนย์กีฬาสิริวัณณวรี ห้องสมุดทีปังกรรีศมีโชติ ซุ้มสวนสนุก ซุ้มกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซุ้มกระทรวงมหาดไทย ภายในงานมีข้าราชบริพารในพระองค์ 904 นำบุตรหลานเข้าร่วมงานจำนวนมาก


พร้อมกันนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เสด็จยังลานสวนสนุก ประทับรถไฟรางร่วมกับพระสหายจำนวน 10 คน ทรงบังคับพวงมาลัยด้วยพระองค์เอง ทรงพระเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเสด็จยังเครื่องเล่นม้าหมุน ทรงประทับหงส์สีชมพู โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ อยู่เคียงข้างอย่างใกล้ชิด

จากนั้นเสด็จยังสนามหญ้าบริเวณกลางสนามกีฬา ทอดพระเนตรเครื่องบินระบบออโตเมติก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากต่างประเทศที่จะนำมาสอนเยาวชนไทย โดยเป็นเครื่องบินที่ใช้ในการทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ยังทรงสนพระทัยเครื่องบิน 1 ในโครงการหนูน้อยเจ้าเวหา ซึ่งมีลวดลวยธงชาติไทยสวยงาม ทั้งนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงสอยกัลปพฤษ์ ได้ของรางวัลเป็นตุ๊กตาไดโนเสาร์สีฟ้า ส่วนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ได้ของรางวัลเป็นตุ๊กตาหมีสีขาว


(ที่มา - ข่าวสดออนไลน์)


webmaster - 13/1/13 at 21:40


(Update 13 มกราคม 2557)

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ
ทรงเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557
ณ สนามกีฬากลางพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904



.......เวลา 09.45 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ไปยังสนามกีฬากลางพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 ทรงเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557 โอกาสนี้ ประทานทุนการศึกษาพระราชทานระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา แก่บุตรข้าราชบริพารในพระองค์ฯ, ประทานรางวัลการแข่งขันกิจกรรมของห้องสมุดทีปังกรรัศมีโชติ, ประทานโล่รางวัลแก่โรงเรียนและนักเรียนดีเด่น ที่เข้าร่วมโครงการขยะรีไซเคิล และประทานสลากออมสินเป็นของขวัญพระราชทานแก่ผู้แทนบุตรข้าราชบริพาร

จากนั้น ทรงสอยต้นกัลปพฤกษ์รางวัลพระราชทาน เพื่อประทานให้ผู้แทนครอบครัวข้าราชบริพารในพระองค์ฯ และชุมชนที่อยู่ใกล้เคียงฯ งานวันเด็กแห่งชาติพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 จัดขึ้นตามพระราโชบายของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชน โดยปีนี้ ได้จัดกิจกรรมหล่อหลอมและสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนยึดมั่นในพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

และพระราชทานพรในวันขึ้นปีใหม่ ด้วยการให้นึกถึงส่วนรวมและความเป็นไทยอยู่เสมอ ให้ตระหนักว่าบ้านเมืองของเราเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความเป็นปึกแผ่นในชาติและต่างปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องเกื้อกูลกันเพื่อประโยชน์และความมั่นคงปลอดภัยของชาติ ซึ่งส่วนหนึ่งย่อมจะอยู่ในความรับผิดชอบของเด็กและเยาวชนที่จะเติบใหญ่ไปในวันข้างหน้า โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมกิจกรรม 30 หน่วยงาน และก่อนจะเสด็จกลับผู้แทนหน่วยงานเฝ้า ถวายของขวัญเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ และวันขึ้นปีใหม่ 2557

เวลา 12.15 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จออกแทนพระองค์ ณ วังศุโขทัย ประทานพระวโรกาสให้นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 35 "เมืองมะขามหวานเกมส์" เฝ้าในการนี้ ประทานไฟพระฤกษ์เพื่อเชิญไปจุดในพิธีเปิดการแข่งขันฯ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2557 ที่สนามกีฬากลาง สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

เวลา 12.20 น. นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ครั้งที่ 31 ประจำปีการศึกษา 2556 เฝ้า ในการนี้ ประทานไฟพระฤกษ์เพื่อเชิญไปจุดในพิธีเปิดการแข่งขันฯ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 28 มกราคม 2557 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี

เวลา 12.20 น. นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ครั้งที่ 31 ประจำปีการศึกษา 2556 เฝ้า ในการนี้ ประทานไฟพระฤกษ์เพื่อเชิญไปจุดในพิธีเปิดการแข่งขันฯ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 - 28 มกราคม 2557 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี


(ภาพข่าว - matichon.co.th)


Go To
Top
Go To Top