ตามรอยพระพุทธบาท

ภาพข่าว..การเดินทางไป ภาคอีสาน-ภาคกลาง วันที่ 1-10 มิ.ย. 2552 (ตอนที่ 4 จบ)
praew - 23/7/09 at 09:12

« ตอนที่ 1 « ตอนที่ 2 « ตอนที่ 3

(Update 23/07/52)

35. พระมหาธาตุเจดีย์ วัดสายไหม ต.ผักขะ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
• รอยพระพุทธบาท กว้าง 9 ซม ยาว 49 ซม
• ร่วมทำบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม และเจดีย์ 1,000 บาท
• ทำบุญกับพระทำงาน 800 บาท
• ร่วมเทปูนสร้างเจดีย์



คณะทีมงานได้เดินทางล่องลงมาจากอีสานใต้สู่ตะวันออก ในใจคิดว่าคุณเต๋อ และคณะเว็บแดนพระนิพพานคงจะใช้เส้นทางเดียวกัน เพราะมีจุดมุ่งหมายต่อไป คือ วัดหนองบัว ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แต่ในระหว่างทาง มองเห็นป้ายเชิญชวนร่วมสร้างพระเจดีย์ที่ วัดสายไหม หลวงพี่บอกให้เลี้ยวรถเข้าไปทันที เพราะมองเห็นเขากำลังเทปูนอยู่ข้างบน


ตามป้ายที่เขียนบอกไว้ว่า สร้างสมเด็จองค์ปฐมด้วย จึงรวบรวมเงินเดี๋ยวนั้นทันที 1,000 บาท แล้วให้นำไปถวายเจ้าอาวาส ซึ่งท่านมีความเคารพนับถือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ


ต่อจากนั้นก็ไปร่วมเทปูนกับพระภิกษุและชาวบ้านที่มาช่วยงานกัน ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว หลวงพี่ได้ถวายปัจจัยพระภิกษุที่กำลังทำงาน 8 รูป เป็นเงินอีก 800 บาท รวมทั้งสิ้น 1,800 บาท


หลังจากนั้นหลวงพี่จึงได้มายืนถ่ายรูปกับเจ้าอาวาส พระเจดีย์สูง 30 กว่าเมตร ภายในประดิษฐานสมเด็จองค์ปฐมที่หล่อเสร็จแล้ว



วันที่ 9 มิถุนายน 2552


36. ศูนย์สังฆศาสน์ธำรง บ.หนองกวาง ม.8 ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
• สร้างพระเจดีย์สูง 51 เมตร กว้าง 39 เมตร
• สร้างหลวงพ่อทันใจ 69 นิ้ว
• ร่วมทำบุญ 1,600 บาท



จุดหมายต่อไป คือ รอยพระพุทธบาท ณ วัดหนองบัว ตามข้อมูลของคุณธนวิสุทธิ์ (เต๋อ) ที่เคยสำรวจเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่รถวิ่งผ่านป้ายบอกว่า "ขอเชิญร่วมสร้างหลวงพ่อทันใจ ณ ศูนย์สังฆศาสน์ธำรง หลวงพี่บอกให้เลี้ยวรถเข้าไปทันที


ปรากฏว่าท่านเจ้าอาวาสกำลังสร้างพระเจดีย์ สูง 51 เมตร โดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อปีที่แล้ว พวกเราจึงร่วมทำบุญ 1,600 บาท เพื่อร่วมสร้างพระเจดีย์และหลวงพ่อทันใจอีกด้วย



37. รอยพระพุทธบาท วัดหนองบัว ต.นนทรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี (พบใหม่)
• บูชาเสร็จแล้ว มีฝนตกเป็นละอองละเอียดหน้ารถ
• ถวายหนังสือตามรอย เล่ม 4



หลังจากนั้นได้เดินถึง วัดหนองบัว พบว่ามีการนำรอยพระพุทธบาทมาไว้ในวัดนานแล้ว และได้สร้างศาลาครอบไว้อยู่หน้าวัด ด้านข้างก็มีศาลอยู่หลังหนึ่ง


หลวงพี่ได้เข้าไปสำรวจตรวจดูแล้ว จึงได้ทำพิธีกราบไหว้บูชา ด้วยการสรงน้ำปิดทอง และได้ถวายหนังสือตามรอย เล่ม 4 ให้แก่เจ้าอาวาส 1 เล่มด้วย ขณะที่รถวิ่งออกมาจากวัด ปรากฏว่ามีละอองฝนโปรยปรายลงมาอีกด้วย

คลิกชมรายละเอียดการสำรวจเมื่อปี 2551 ได้ทีนี่
http://www.danpranipparn.com/web/pratttas/pratta14mini28.html



38. หลวงพ่อปากแดง วัดพรามณี ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก
• กราบ ปิดทอง สรงน้ำ หลวงพ่อ



ในตอนนี้ หลวงพี่ยังมีข้อมูลรอยพระพุทธอีกแห่งหนึ่ง นับเป็นแห่งสุดท้าย แต่ต้องไปทางลพบุรี - สระบุรี รถจึงต้องวิ่งผ่านจังหวัดนครนายก พอดีมีข่าวเรื่อง "หลวงพ่อปากแดง" หลวงพี่จึงบอกให้เดินทางไปทันที


เมื่อรถวิ่งเข้าไปภายในวัด เห็นมีรถจอดเต็มไปหมด หลวงพี่ได้พบกับคนที่รู้จักกันด้วย คือ "คุณกิตติยา" กำลังจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน เขาได้เดินนำแหวกฝูงชนเข้าไปข้างในวิหาร "หลวงพ่อปากแดง"

เมื่อหลวงพ่อสอบถามถึงประวัติความเป็นมา คุณกิตติยาได้ตอบว่า ความจริงแล้วเป็นเรื่องของการ "เข้าทรง" คือมีร่างทรงมาเข้าทรงที่นี่แล้วบอกหวย คนที่มากราบไหว้หลวงพ่อปากแดง เมื่อกลับไปก็ถูกหวยกันบ้าง จึงมีข่าวเกรียวกราวถึงเรื่องนี้ ซึ่งความเป็นจริงหลวงพ่อปากแดงไม่ได้ให้หวย แต่คนที่มาเข้าทรงให้หวยต่างหากละค่ะ



39. วัดเขาทุเรียน ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก
• ร่วมทำบุญหล่อพระประธานทรงเครื่องนาคปรก 800 บาท



ครั้นออกมาจากวัดหลวงพ่อปากแดงแล้ว จึงเดินทางไปทำบุญหล่อพระประธาน "ทรงเครื่องนาคปรก" 800 บาท วัดเขาทุเรียน ตามป้ายประกาศที่เห็นภายในวัดหลวงพ่อปากแดง หลังจากนั้นจึงออกมาแวะที่ร้านอาหารแถวนั้น เพื่อถวายอาหารเพลแก่หลวงพี่ เสร็จแล้วจึงออกเดินทางต่อไปทางลพบุรี



((( โปรดคอยติดตามอ่าน "ตอนจบ" )))


webmaster - 29/7/09 at 08:56

(Update 29/07/52)


40. รอยพระพุทธบาทเกือกแก้ว บ.หินซ้อนเหนือ ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี (พบใหม่)
• รอยพระพุทธบาท กว้าง 49 ซ.ม. ยาว 134 ซ.ม.
• ทำทานให้คนนำทาง 500 บาท



สถานที่แห่งนี้หลวงพี่มีข้อมูลมาจากวัดแล้ว เนื่องจากก่อนที่จะออกเดินทาง มีคนมาจากลพบุรีแจ้งว่า ได้อ่านพบข้อมูลนี้จากหนังสือ "โลกลี้ลับ" แล้วไปแจ้งหลวงพี่ถึงที่วัด รอยพระพุทธบาทแห่งนี้ หลวงพี่จัดไว้เป็นจุดสุดท้ายของการเดินทาง Trip นี้ค่ะ



ตามข้อมูลที่จดไว้นั้นบอกว่า จะต้องไปที่ สำนักแม่ชีพุทธจันทาราม บ.หินย้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี แต่กว่าพวกเราจะหาพบ ต้องเสียเวลาวกไปวนมาเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง เนื่องจากสับสนกับเส้นทางนั่นเอง เดิมที่มองเห็นพระเจดีย์อยู่บนเขาข้างสำนักของแม่ชี คิดว่ารอยพระพุทธบาทคงจะอยู่บนเขานี้


แต่เมื่อได้แวะถามชาวบ้านที่อยู่ทางเข้าสำนัก ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของแม่ชีเช่นกันได้บอกว่า รอยพระพุทธบาทอยู่บนเขาอีกแห่งหนึ่ง พวกเราจึงยังไม่เข้าไปสำนักแม่ชี เพราะเขาบอกว่าแม่ชีอยู่บนเขา จึงขอร้องให้ผู้หญิงชาวบ้านคนนี้ช่วยนำทางไปที่รอยพระพุทธบาทด้วย จากนั้นจึงชวนกันขึ้นรถออกเดินทางต่อไป


รถได้วิ่งไปประมาณ 20 นาที แต่อยู่ในเขต บ้านหินซ้อนเหนือ ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี แล้วพากันเดินเพื่อที่จะขึ้นเขากัน (ตามภาพแรกจะเห็นชาวบ้านคนนี้ (ใส่เสื้อสีฟ้าแขนยาว) กำลังชี้มือไปที่เขาพระพุทธบาท ซึ่งมองดูด้วยสายตาก็ไม่สูงมากนัก


ในตอนนี้เป็นเวลาเย็นพอสมควร พวกเรารีบสาวเท้าก้าวเท้าคนนำทาง เดินขึ้นไปโขดหิน แต่ทางก็ไม่รก เพราะมีคนถางทางไว้แล้ว เห็นว่าเพิ่งพบไม่นานมานี่เอง แม่ชีนำคนขึ้นมาไหว้บ่อยๆ และภาพที่มองเห็นจะเป็น "รอยพระพุทธบาทเกือกแก้ว" มีคนเอาเต้นท์สีแดงมากางกั้น เห็นว่านำมาถวายเพื่อแก้บน


หลังจากได้กราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้ของหอมและผ้าสไบทองกันแล้ว จึงเดินลงมาแวะที่บ้านของชาวบ้านอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้เชิงเขานั่นเอง เนื่องชาวบ้านคนนี้เคยฝันเห็นก่อนที่จะพบรอยพระพุทธบาท หลวงพี่จึงอยากจะสัมภาษณ์ ซึ่งได้บันทึกเสียงเอาไว้ดังนี้ค่ะ






ตามเสียงเจ้าของบ้านที่เล่านั้น (เจ้าของบ้านใส่เสื้อสีฟ้าทั้งสองคน) ได้เล่าว่ามีดวงไฟลอยจากถ้ำไปที่รอยพระพุทธบาท ดังนั้นหลวงพี่จึงขอให้สามีภรรยาสองคนนี้ช่วยนำทางไปที่ถ้ำด้วย เพราะสามีบอกว่าอยู่บนเขาไม่สูงมากนัก


พวกเราถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการขึ้นเขาไปไหว้รอยพระพุทธบาทกันมาแล้ว แต่ก็ต้องกัดฟันเดินขึ้นเขาต่อไป ประมาณ 15 นาทีก็ถึงหน้าถ้ำ หลวงพี่และคณะได้เดินลงไปในถ้ำ มีหินย้อยคล้ายพระเจดีย์อยู่ที่หน้าถ้ำด้วย





41. สำนักแม่ชีพุทธจันทาราม บ.หินย้อน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
• ทำบุญให้แม่ชี 1,600 บาท



เมื่อกลับมาจากถ้ำแล้ว หลวงพี่และคณะก็เดินทางย้อนกลับมาที่ สำนักแม่ชีพุทธจันทาราม เห็นแม่ชีฉลวยรออยู่ที่หน้าศาลาจึงได้ทักทายกัน แม่ชีก็มีความศรัทธาหลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกัน พวกเราจึงได้ร่วมทำบุญกับแม่ชีเป็นเงิน 1,600 บาท เพราะเห็นแม่ชีกำลังสร้างพระเจดีย์อยู่บนยอดเขา จากนั้นก็เดินทางกลับ.

บทส่งท้าย

ตามที่เล่าเรื่องการเดินทาง นับตั้งแต่วันที่ 1 - 10 มิถุนายน 2552 ได้จบลงในตอนที่ 4 นี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยืดยาวพอสมควร พวกเราได้มีโอกาสร่วมสร้าง มณฑปครอบพระพุทธบาท, สร้างพระอุโบสถ, และศาลาการเปรียญ, การสร้างพระเจดีย์ โดยเฉพาะที่โชคดีเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือได้มีโอกาสสร้าง "พระพุทธรูปใหญ่" หน้าตักเป็นสิบๆ เมตรหลายองค์ ทั้งที่ไปเจอโดยบังเอิญและที่มีข้อมูลอยู่แล้วก็มากมาย

ในขณะที่เขียนบทส่งท้ายนี้ เมื่อท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากจะมีส่วนร่วมบุญด้วย จึงมีความคิดว่าน่าจะมีการจัดตั้ง "กองทุนสร้างพระใหญ่" จะเป็นการสร้างเพื่อ "ชำระหนี้สงฆ์" หรือ "ชำระหนี้กรรม" ทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่พวกเราจะปรึกษาหารือกัน ถ้าหากว่ายังหาที่สร้างไม่ได้ เราก็นำกองทุนนี้แบ่งไปร่วมบุญที่เขากำลังก่อสร้างอยู่ก็ได้ เรื่องนี้ใครมีความเห็นอย่างไร ก็แจ้งมาทางอีเมล์ได้เลยค่ะ