ตามรอยพระพุทธบาท

เล่าเรื่องการเดินทางไป "ภาคอีสาน - ลาว (จำปาศักดิ์)" วันที่ 1-10 พฤษภาคม 2557
webmaster - 11/6/14 at 08:08

การเดินทางไป "ภาคอีสาน - ลาว (ปากเซ-จำปาศักดิ์)"

ระหว่างวันที่ 1 - 10 พฤษภาคม 2557


๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ (วัดท่าซุง - ลพบุรี - สระบุรี)


...นับเป็นเวลานานหลายเดือนกว่าจะได้กลับมาเล่าเรื่องการเดินทางในแต่ละครั้ง เนื่องจากปีนี้หลวงพี่ชัยวัฒน์มีภารกิจที่จะต้องเดินทางเกือบทุกเดือน พอจะสรุปได้นับตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๗ ดังนี้

- วันที่ ๗ - ๑๓ มกราคม ๒๕๕๗ เดินทางไป "ภาคเหนือ"
- วันที่ ๑๗ - ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗ เดินทางไป "ตาพระยา"
- วันที่ ๑๐ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เดินทางไป "ภาคอีสาน"
- วันที่ ๒๗ - ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๗ เดินทางไป "ภาคตะวันออก"


ท่านผู้อ่านคงจะได้อ่าน "เล่าเรื่องการเดินทาง" ทุกครั้งตลอดมา นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงเดือน "เมษายน" ก็ต้องพักร้อนกันก่อน จนกระทั่งถึงตอนเดือน "พฤษภาคม" จึงเริ่มเดินทางกันต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะไปภาคอีสานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดการจะไปทาง จำปาศักดิ์ สปป.ลาว อีกด้วย ทั้งนี้นับเป็นครั้งที่ ๒ ที่ได้ไปลาว โดยปี ๒๕๕๖ ก็ได้ไปกราบไหว้ พระธาตุอิงฮัง และ พระธาตุโพน ที่ "สุวรรณเขต" แต่ถ้าจะย้อนไปนานกว่านี้ หลวงพี่ก็เคยเดินทางไปที่ "ปราสาทวัดพู" จำปาศักดิ์ มาแล้วเมื่อปี ๒๕๔๑

เมื่อหลวงพี่จัดโปรแกรมการเดินทางแล้ว โดยวางแผนงานไว้นอกจากไป สปป.ลาวแล้ว ท่านยังได้มีการพาไปทำบุญใหญ่อีก (ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้เรื่องมาก่อน) นั่นก็คือการสร้างพระพุทธรูปทันใจ "สมเด็จองค์ปฐม" ที่สำนักสงฆ์ป่าแสงอรุณ อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี ท่านได้นัดหมายแบบเงียบๆ ให้ "คณะคุณอู่วารี" เดินทางไปเพื่อจัดทำบายศรีและนำฉัตร (คณะคุณหลี - คุุณก๊วยเจ๋ง เป็นเจ้าภาพฉัตร) ไปก่อนล่วงหน้า พร้อมกับนิมนต์ พระอาจารย์อารี วัดป่าเทพนิมิต อ.นาแก จ.นครพนม เพื่อนำช่างไปทำการเตรียมสร้าง "สมเด็จองค์ปฐมทันใจ" โดยกำหนดที่จะทำพิธีเทปูนใน วันฉัตรมงคลที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗

๑. วัดบางพาน ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

........ต่อมาหลวงพี่ได้รับกิจนิมนต์ที่ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี หลังเพลแล้วหลวงพี่จึงออกเดินทางตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๗ โดยอ้อมไปทาง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี เพราะมีข้อมูลจาก "คุณสำราญ" ว่ามีการสร้างพระพุทธรูปที่วัดนี้


พวกเรา "คณะตามรอยเล็กๆ" จึงมุ่งหน้าไปเพื่อร่วมทำบุญสร้างพระองค์นี้ ในขณะที่ไปถึงนั้นทางวัดกำลังก่อสร้างฐานพระอยู่พอดี ทั้งนี้เพื่อน้อมถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุครบ ๘๖ พรรษา มีชื่อว่า "หลวงพ่อโตโคตมะ" เป็นพระหน้าตักกว้าง ๑๐ เมตร สูง ๑๖ เมตร จึงได้ร่วมทำบุญเป็นปฐมฤกษ์ จำนวนเงิน ๓,๐๐๐ บาท

๒. วัดเขาวงพระจันทร์ ต.ห้วยโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี

หลังจากนั้นก็เดินทางมาที่เขาวงพระจันทร์ หลวงพี่ได้สั่งปูนเพื่อสร้างพระใหญ่ ๑๐๐ ลูก เป็นเงิน ๑๔,๕๐๐ บาท และได้แจกเงินให้กับคนงานทั้งหมด ๓๖ คนๆ ละ ๑๐๐ บาท ส่วนหัวหน้าคนงานให้ ๕๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด ๑๘,๖๐๐ บาท ทั้งนี้หลวงพี่บอกว่าเป็นการทำบุญล่วงหน้าก่อนถึงวันเกิด ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗




พอไปถึงคนงานกำลังเทปูนตรงฐานบัว จึงได้โอกาสช่วยกันยกปูนให้คนงานไปเทถีง ๔ กระบะ เอาอานิสงส์ในการสร้างพระใหญ่องค์นี้ ซึ่งมีหน้าตักกว้าง ๔๕ เมตร สูง ๗๒ เมตร หลวงพี่เคยมาที่นี้หลายครั้งแล้ว โดยครั้งแรกได้เริ่มสร้างเมื่อวันที่ ๒๙ พ.ค. ๒๕๕๒ ได้ทำบุญสร้างพระใหญ่องค์นี้หลายครั้ง ปีนี้องค์พระถือว่าเสร็จสมบูรณ์ จะมีการตบแต่งและขัดผิว หัวหน้าช่างเล่าว่าเจ้าภาพมีโครงการจะหุ้มทองเหลืองทั้งองค์อีกด้วย



๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (สระบุรี - ศรีสะเกษ - อุบลราชธานี)

๓. วัดถ้ำเขาวง ต.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

หลวงพี่วัชรชัยได้นิมนต์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง และหลวงพี่ชัยวัฒน์ไปในงานทำบุญประจำปีที่จัดขี้นทุกปี หลวงพี่มาถึงเกือบ ๕ โมงเย็นแล้ว หลวงพี่วัชรชัยได้มาต้อนรับและจัดให้พักที่เรือนไทย ตอนค่ำมีพระอาคันตุกะมาสนทนาด้วย



เวลา ๗ โมงเช้า มีรถกอล์ฟมารับไปฉันเช้า แล้วเสร็จเวลา ๘.๐๐ น. ทำพิธีบวงสรวงตรงอนุสาวรีย์ ร.๑ โดยท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุงเป็นประธาน เสร็จแล้วมาทำพิธีสวดคาถาเงินล้านและนั่งสมาธิ จากนั้นมีการแสดงรำดาบของลูกศิษย์ทั้งหญิงและชาย



ก่อนเตรียมฉันเพลเวลา ๑๑.๐๐ น. พระอาจารย์หนุนมากราบหลวงพี่ คุยกันได้เวลาสมควรแล้วก็กลับไปโดยนัดหมายกันว่าจะไปร่วมงานวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ วัดโพนนาแก้ว ของพระอาจารย์หนุน


ประมาณเที่ยงก็เดินทางออกจากวัดมุ่งหน้าสู่จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างทางที่ "ปากช่อง" หลวงพี่ได้แวะดู ธรรมจักรและกวางหมอบ และได้สั่งทำในราคา ๒๕,๐๐๐ บาท โดยมีธรรมจักรเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๔๐ นิ้ว และกวางหมอบแบบเหลียวหลัง ๒ ตัว มัดจำไว้ก่อน ๒,๐๐๐ บาท โดยจะนำมาประดิษฐานไว้ที่ทางขึ้นบันไดของวิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง

๔. วัดสนามสามัคคี ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ


เมื่อผ่านมาทาง อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ เห็นป้ายบอกว่าจะหล่อพระพุทธชินราชจำลองหน้าตัก ๖๙ นิ้วด้วยทองสัมฤทธิ์ เพื่อเป็นประธานในพระอุโบสถที่วัดนี้ จึงขับรถเข้าไปเพื่อจะร่วมทำบุญ เผอิญว่าทั้งพระและเณรกำลังทำวัตรเย็นกันพอดี จึงเข้าไปถวายกับเจ้าอาวาสในขณะที่ทำวัตรอยู่ จำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท เสร็จแล้วก็ออกมาเดินทางกันต่อไป


๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (อุบลราชธานี)


๕. รอยพระพุทธบาท วัดเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี


ตอนเช้าออกเดินทางจากที่พัก เห็นป้ายวัดเขาแก้วพอดี หลวงพี่บอกให้เลี้ยวเข้าไปอย่างกระทันหัน เพราะตามประวัติเป็นรอยพระพุทธบาทที่พระอาจารย์โชติ (เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว) นำมาจากฝั่งลาวที่ปากเซ หลวงพี่เคยมาที่นี่นานแล้ว รอยพระพุทธบาทยังอยู่ตำแหน่งเดิม มีรอยหักอยู่ตรงกลางด้วยอาจมาจากการเคลื่อนย้าย เป็นรอยใหญ่ประมาณเมตรครึ่งความยาว กว้างประมาณ ๗๐ เซนติเมตร


ตอนแรกเดินหากันพักใหญ่ เมื่อเจอก็กราบไหว้บูชาทันที นำผ้าทองมาห่มรอบก้อนหินรอยพระพุทธบาท นำบายศรีออกมาไหว้ บังเอิญว่ามีชาวบ้านที่มาจาก อ.ตระการพีชผล จ.อุบล คือคุณยายหนู แก้วพรม เข้ามาร่วมบูชาสักการะรอยพระพุทธบาทด้วย หลังจากบูชาเสร็จมีฝนปรอยลงมา ทุกคนรับรู้ถึงอานุภาพแห่งรอยพระพุทธบาทนี้ หลวงพี่เลยสอบถามถึงรอยพระพุทธบาทร่องมะโกรก บ.ท่าหลวง ด้วยว่ามณฑปครอบรอยพระพุทธบาทชำรุดทรุดโทรมอย่างไรบ้าง และได้มอบหนังสือตามรอยเล่มเล็ก และหนังสือหลวงพ่อไว้ให้ ๒ เล่มด้วย





๖. รอยพระพุทธบาท สำนักสงฆ์บ่อน้ำทิพย์ศิลาราม บ้านหนองแสง ต.โพนงาม อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี



พวกเราเคยไปมาแล้วเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ มาอีกทีซื่อเปลี่ยนไปจากเดิม ที่อยู่ก็เปลี่ยนไปด้วย กลายเป็นวัดร้างไปเสียนี่ สอบถามใครก็ไม่ได้เลย มาเป็นครั้งที่สอง อากาศร้อนมากเลยมาทำพิธีกราบไหว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มีรอยพระพุทธบาทและรอยประทับนั่งอยู่ด้วย พวกเราที่มาใหม่ได้กราบทุกรอยที่อยู่ในนี้ เปิดเทปบวงสรวงของหลวงพ่อฯ พร้อมบูชาด้วยดอกไม้และของหอมทั้งหลาย




๗.วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี


หลังจากฉันเพลเสร็จก็มุ่งหน้ามาวัดถ้ำคูหาสวรรค์ เพื่อกราบเจ้าอาวาสจะได้ติดต่อให้คณะตาพระยาเข้าพัก ข้างในถ้ำเก็บสรีระศพของหลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ท่านเป็นพระอีกรูปหนึ่งที่ร่างกายท่านไม่เน่า


คณะพวกเราเข้าไปกราบสรีระศพของหลวงปู่คำคะนิง และทำบุญใส่ตู้ตามอัธยาศัย ระหว่างรอเจ้าอาวาส คณะตาพระยากำลังจะเข้ามาพอดี จึงได้ถ่ายรูปร่วมกันไว้เป็นที่ระลึก ท่านเจ้าอาวาสมีดำริจะสร้างพระใหญ่หน้าตัก ๒๙ เมตร สูง ๔๙ เมตรอีกด้วย โดยทางวัดได้ก่อสร้างเจดีย์ ๙ ยอดเสร็จไปแล้ว



หลังจากพบเจ้าอาวาสแล้ว และรอคณะตาพระยาที่จะมาสมทบอีก พวกเราได้รวบรวมเงินเพื่อทำบุญกับเจ้าอาวาสทุกอย่างทั้งหมดได้ ๘,๐๐๐ บาทถ้วน โดยคุณมายินเป็นตัวแทนถวายกับเจ้าอาวาส




หลังจากเข้าที่พักแล้ว ประมาณ ๑ ทุ่มพวกเราโดยหลวงพี่ได้นัดประชุมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเข้าไปในลาว สมาชิกทั้งหมด ๖๔ ท่าน แบ่งให้ขึ้นรถตู้ ๖ คัน โดยการประสานงานกับบริษัททัวร์ (สวัสดีอินโดจีน) ไว้เรียบร้อยแล้ว



๓ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (อุบลราชธานี - จำปาศักดิ์)


๘. น้ำตกหลี่ผี ท่าเรือบ้านนากระสัง เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว

ตามกำหนดการ เวลา ๖.๓๐ น. เป็นเวลาที่คณะทั้งหมดรับประทานอาหารให้เสร็จก่อน ๗ โมง เพื่อขึ้นรถตู้ที่จะมารับถึงที่พัก (โขงเจียม) เวลา ๗.๓๐ น. ส่วนรถส่วนตัวได้ฝากไว้ก่อน เพราะจะกลับมาพักอีกในวันที่ ๔ พ.ค. อีกหนึ่งคืน



แต่ถึงอย่างไรก็ตามจะเตรียมให้ดีอย่างไร กว่าจะเสร็จได้ก็ใช้เวลาไปชั่วโมงครึ่ง ไม่รู้จะทำไงได้ ได้แต่ทำใจ ทำให้หลวงพี่และหลวงน้าสุรพงษ์ต้องฉันเพลบนรถ เป็นธรรมดาเพราะจำนวนคนที่มีมาก พวกเราออกเดินทางจากด่านชายแดนช่องเม็กล่าช้าไป จนถึงเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง พวกเราก็แวะทานข้าวกันที่ร้านอาหารชาวลาว ชื่อร้านแม่เฮียง ฝีมืออร่อยทุกอย่างเป็นการชดเชยไปที่เสียเวลา


จากนั้นเดินทางต่อไปถีงที่ท่าเรือ "บ้านนากระสัง" เพื่อลงเรือข้ามไป "น้ำตกหลี่ผี" มีเรื่องแปลกที่รถตู้ ๓ คันวิ่งไปที่คอนพะเพ็งก่อน ทำให้พวกเราไปน้ำตกหลี่ผีประมาณ ๓๐ คน นั่งเรือประมาณ ๑๕ นาที และนั่งรถห้าแถวอีก ๑๕ นาทีก็ถีงน้ำตก ส่วนที่วิ่งเลยไปก็ตามมาสมทบกันภายหลัง โปรแกรมนี้จัดขึ้นมาเพื่อมาเที่ยวชมสถานที่ที่มีชื่อเสียงของลาวกันโดยเฉพาะ





๙. น้ำตกคอนพะเพ็ง “ไนแองการ่าแห่งเอเซีย” เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว

ต้นมณีโคตร เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่กลางคอนพะเพ็ง


“น้ำตกคอนพะเพ็ง” เป็นน้ำตกเลื่องชื่อของแขวงจำปาศักดิ์ สปป.ลาว แม้จะเรียกว่าน้ำตก แต่จริงๆ แล้วคอนพะเพ็งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำโขง โดยคำว่า “คอน” ในภาษาลาว หมายถึง “แก่ง” นั่นเอง โดยคอนพะเพ็งถือเป็นคอนหรือแก่งขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในแม่น้ำโขง ส่วน “พะเพ็ง” นั้นหมายถึง “พระจันทร์วันเพ็ญ”

แก่งบริเวณคอนพะเพ็งเป็นแก่งขนาดใหญ่ ความสูงของแก่งกว่า ๑๐ เมตร ทำให้สายน้ำโขงที่ไหลบ่ามาในบริเวณนี้เชี่ยวกรากดุดัน ยิ่งเมื่อสายน้ำกระโจนลงสู่แก่งหินเบื้องล่างอย่างรุนแรง เกิดเป็นน้ำตกอันยิ่งใหญ่ตระการตา จนได้ชื่อว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งเอเชีย”

รูปถ่ายต้นมณีโคตรที่เด็กๆ นำมาขายเป็นของที่ระลึกที่น้ำตกคอนพะเพ็ง


นอกจากความสวยงามอลังการแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยู่คู่น้ำตกคอนพะเพ็ง คือ “ต้นมณีโคตร” หรือมะนีโคด ในภาษาลาว เป็นต้นไม้เก่าแก่สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่าเป็น “ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใครคนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตายก็กลับฟื้นขึ้นมาได้ แกนของกิ่งต้นมณีโคตรหากตัดดูจะเห็นเป็น ๓ สี คือสีนวลเหมือนไข่ไก่ สีม่วง และสีชมพู เป็นที่มาของชื่อมณีโคตร

รูปถ่ายอีกมุมหนึ่งของต้นมณีโคตร


มณีโคตรต้นนี้ มองด้านหนึ่งคล้ายเขาควาย มี ๓ กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวลาวเชื่อว่าใครได้กินผล (หมาก) ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น กิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกกิ่งหนึ่งหันไปทางฝั่งไทย เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึ้น เยาว์วัยขึ้น

บ้างก็ว่าไม่ว่ากินจากกิ่งไหนก็จะมีกำลังวังชาเหนือมนุษย์ และบ้างก็เชื่อว่าปลายกิ่งทั้งสามที่ชี้ไปทางกัมพูชา ไทยและลาว หมายถึงว่าทั้งสามประเทศจะเจริญเป็นมรกตแห่งอินโดจีน แต่ก็ยังไม่เคยมีใครได้กินผลจากกิ่งใดเลย เพราะสายน้ำเชี่ยวกรากทำให้ไม่เคยมีใครเข้าไปถึงต้นมณีโคตรต้นนี้ ยกเว้นนกกระยางขาวและอีกาที่มักจะบินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตรทุกๆ วันพระ

นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า กิ่งของต้นมณีโคตรเมื่อนำไปฝนกับน้ำแล้วดื่มก็จะรักษาได้สารพัดโรค ทั้งอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตับ โรคเบาหวาน โรคที่หมอรักษาไม่ไหวแล้ว พอได้กิ่งมาฝนน้ำดื่มไปสักอาทิตย์หนึ่งก็หายจากโรค แม้แต่ฝรั่งเศสในสมัยที่ยังปกครองลาวเคยพยายามส่ง ฮ.(เฮลิคอปเตอร์) เข้าไปบินใกล้ๆ เพราะดูถูกในความเชื่อของคนลาว แต่ ฮ. ก็ต้องตกลงอย่างไม่รู้สาเหตุ ด้วยความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการสร้างศาลไว้ให้คนบูชาไว้ที่ฝั่งบริเวณใกล้ๆ กับน้ำตก

น่าเสียดายที่ว่า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๕ ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลงแล้ว สาเหตุที่ต้นไม้ล้มเชื่อว่าเนื่องมาจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านั้นก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน ๓ วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว

แต่มีบางกระแสข่าวเล่าว่า เหตุที่ต้นมณีโคตรโค่นล้มเนื่องมาจากการบวงสรวงที่ต้องกระทำทุกปีนั้น ในปีนี้ได้กระทำผิดวิธี ทำให้ต้นไม้โค่นลง โดยหลังจากเริ่มทำพิธีเมื่อเวลา ๑ ทุ่ม จากนั้นตอน ๔ ทุ่มต้นไม้ก็ล้มลง เป็นที่ฮือฮาน่าตกใจสำหรับชาวลาวเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะนี้ต้นมณีโคตรที่โค่นล้มยังคงถูกมัดไว้กับแก่งหินในบริเวณคอนพะเพ็ง โดยใช้วิธีหย่อนคนลงมาจาก ฮ. เพื่อนำเชือกมามัดต้นไม้ไว้กับแก่งหินไม่ให้ลอยหายไป แต่ยังไม่สามารถนำต้นขึ้นมาบนฝั่งได้ เนื่องจากต้นไม้มีขนาดใหญ่มากและกระแสน้ำเชี่ยวมากเช่นกัน โดยหากเมื่อนำขึ้นมาแล้วจะนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์ต่อไป

ส่วนกิ่งน้อยใหญ่ที่หลุดลอยไปกับสายน้ำนั้นคนที่เก็บได้ก็นำไปบูชา บ้างก็นำไปขาย กิ่งขนาดเท่าแขนขายได้ราว ๔๐,๐๐๐ บาท กิ่งใหญ่ๆ ที่ลอยไปทางฝั่งเขมร ว่ากันว่ามีคนประมูลไปในราคา ๒๐.๐๐๐ เหรียญ นอกจากนี้ยังมีแก็งค์มิจฉาชีพนำกิ่งไม้ชนิดอื่นมาหลอกขายว่าเป็นกิ่งมณีโคตร ถูกตำรวจจับไปก็มี น่าเสียดายยิ่งนักที่ต่อจากนี้ไป ต้นไม้มณีโคตรแห่งน้ำตกคอนพะเพ็ง คงเหลือเพียงชื่อและตำนานให้เล่าขานกันเท่านั้น....


ภาพและข้อมูล - manager.co.th


พวกเราไปครั้งนี้โชคดีที่ได้ไปถึง เพราะถ้าลมแรงก็ไม่สามารถล่องเรือไปได้ มีบางคณะถ้ามาที่ท่าเรือ แล้วเจอกระแสลมแรงก็ต้องเดินทางกลับ เมื่อมีโอกาสจึงเดินชมความงามของน้ำตก ที่เกิดจากการโถมตัวลงของแม่น้ำโขงทั้งสาย ดูสวยงาม สูงประมาณ ๑๕ เมตร กว้างกว่า ๑ กิโลเมตร มีเกาะแก่งกระจายอยู่ถึง ๔,๐๐๐ เกาะ (ดอน)


พวกเราเดินลัดเลาะไปข้างๆ ไกด์ได้ชี้มือไปฝั่งเบื้องหน้า บอกว่าเคยมี "ต้นมณีโคตร" ที่เคยอยู่บริเวณคอนพะเพ็งนี้ แต่ได้โค่นล้มลงไปก่อนแล้ว ทางการได้นำมาใส่ตู้กระจก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ช่วงที่เดินชมดูความงามของน้ำตกน้องหมีชี้ให้ดูกลุ่มเมฆ ปรากฏเป็นรูปคล้ายเศียรพญานาค บริเวณที่สวยที่สุดที่เหมาะสำหรับถ่ายภาพ เป็นมุมที่สวยจริงๆ










หลังจากทานอาหารเย็น ณ เรือนแพล้านช้างริมแม่น้ำโขง เข้าสู่ที่พักที่โรงแรมดอกบัวคู่ ในเมืองปากเซ


ตอนเย็นก็ได้เตรียมอาหารไว้ใส่บาตรในตอนเช้า อีกทั้งมีโปรแกรมที่จะเดินทางไป
"ปราสาทวัดพู" แขวงจำปาศักดิ์ ช่วงหัวค่ำพวกเราก็ได้เตรียมบายศรีไปสักการะอีกด้วย


<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 11/6/14 at 13:12

๔ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (ปากเซ - ปราสาทวัดพู)

ก่อนเดินทางพวกเราได้ชมคลิปวีดีโอ "ทัวร์ลาวใต้" ชุดนี้กันก่อน




...ตอนเช้าทางทัวร์ "สวัสดีอินโดจีนทราเวล" จัดให้มีการทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว ตามแบบฉบับของชาวลาว ที่บริเวณหน้าโรงแรมดอกบัวคู่ พระภิกษุพร้อมสามเณรประมาณ ๑๑ รูป เข้าแถวรับบิณฑบาต พวกเราใส่ทั้งอาหารแห้งและปัจจัย เสร็จแล้วถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก






จากนั้นจึงเข้าไปทานอาหารเช้าในโรงแรมที่พัก มีกำหนดการให้เสร็จก่อน ๘ โมงเช้า


๑๐. รอยพระพุทธบาท ปราสาทหินวัดพู เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว


ก่อนเดินทางไปที่ปราสาทวัดพูได้แวะซื้อปลาที่ตลาดปากเซ เพื่อที่จะไปปล่อยที่บริเวณสระน้ำในบริเวณปราสาทวัดพู ในระหว่างนั่งรถไปปราสาทหินวัดพู มีปรากฎการณ์พิเศษเกิดขึ้นบนท้องฟ้า เห็นกันเกือบทุกคน (เมื่อปี ๒๕๔๑ หลวงพี่ต้องไปข้ามแพอีกทางหนึ่ง ส่วนสมัยนี้มีถนนไปถึงปราสาทวัดพูแล้ว) และถึงจุดหมายเวลา ๙ โมงกว่า ทุกคนต้องนั่งรถรับส่งเข้าไปปล่อยปลาในสระก่อน แล้วใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงบริเวณปราสาทประมาณ ๔๕ นาที



สมัยก่อนช่วงนี้ต้องข้ามแพที่แม่น้ำโขงแห่งนี้



รถแท็กซี่ที่เช่าไปสมัยนั้นดูสภาพของรถก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร



ตอนนั้นยังสามารถเดินขึ้นไปกราบไหว้รอยพระพุทธบาทและรอยพระหัตถ์ได้ถึงที่ อ่านเรื่องราวได้ที่นี่
http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=828


จากนั้นเดินไปด้านหลังปราสาท ปรากฎว่ารอยพระพุทธบาทไม่เหมือนสภาพเดิม ที่หลวงพี่เคยมาเมื่อปี ๒๕๔๑ บริเวณทางขึ้นก้อนหินได้ถล่มลงมาไม่สามารถขึ้นไปได้ เนื่องจากลมพายุได้พัดผ่านเมื่อ ๒-๓ ปีที่แล้ว เลยต้องทำพิธีกันข้างล่าง แข่งกับเวลาหน่อยเพื่อให้หลวงพี่ทันฉันเพล แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี เพราะเวลาในการเข้าและออกต้องใช้เวลามาก



การทำพิธีใช้สายสิญจน์ที่หลวงพี่เตรียมมา โดยโยงมาจากพระพุทธรูปในถ้ำเล็กๆ ที่มีรอยพระพุทธบาทจากข้างบน โยงมาที่กระเป๋าสตางค์และล้อมรอบพวกเราทุกคน เป็นการทำแบบนี้ครั้งแรกของคณะตามรอยพระพุทธบาท จากนั้นก็เปิดเทปบวงสรวงของหลวงพ่อฯ สวดอิติปิโสบทพระรัตนตรัยทั้ง ๓ ห้อง และสวดคาถาเงินล้านด้วย ๓ จบ บูชาแล้วต้องรีบกลับแทบจะไม่ได้ชมอะไรในปราสาทเลย





เนื่องจากรอหลวงพี่และหลวงน้าฉันเพล จึงต้องให้รถตู้ ๕ คันล่วงหน้าไปทานอาหารเที่ยงกันก่อนที่โรงแรมจำปาสักแกรนด์ (ปากเซ) ส่วนรถคันหลวงพี่ได้กลับทีหลัง ระหว่างทางได้แวะตรงต้นโพธิ์ ๒ ต้นที่มีรากมาโอบล้อมพระพุทธรูปอยู่ระหว่างกลาง ถามไกด์บอกว่ามีมานานเป็นร้อยปีแล้ว จึงเข้าไปกราบไหว้ สรงน้ำหอมและปิดทองพร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก





โรงแรมจำปาสักแกรนด์ ปากเซ สปป.ลาว


ถ่ายรูปกันบริเวณโรงแรมจำปาสักแกรนด์ ที่ไปรับประทานอาหารกัน






๑๑. รอยพระพุทธบาท วัดพระบาท (วัดถ้ำไฟ) เมืองปากเซ แขวงจำปาศักดิ์ ประเทศลาว



วัดถ้ำไฟ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดพระพุทธบาท" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเซโดน ห่างจาก "โรงแรมจำปาสักพาเลซ" มาทางทิศตะวันออกประมาณ ๑๐๐ เมตร เนื่องจากภายในพระอุโบสถมีรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ถัดมาทางซ้ายเป็นหอแจก (ศาลาการเปรียญ) ลักษณะเป็นตัวอาคารทรงโดม หลังคาลาดต่ำ ชาวบ้านใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมในวันสำคัญทางศาสนา จุดเด่นอยู่ตรงที่สิม (อุโบสถ) ตรงกลางหลังคารูปช้างสามเศียร ซึ่งหมายถึงอาณาจักรทั้ง ๓ ของลาว ได้แก่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์



วัดนี้ตั้งอยู่ใกล้วงเวียนกลางเมือง เป็นวัดใหญ่ประจำเมืองปากเซ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง (ทับรอยเดิม) อยู่ภายในสิม (อุโบสถ) รอบกำแพงจะมีเจดีย์สำหรับเก็บอัฐิเล็กๆ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากลานวัดมีบริเวณกว้างขวาง จึงนิยมใช้สำหรับจัดงานวัด ในช่วงประเพณีงานบุญต่างๆ ขณะที่ไปถึงต้องรอเจ้าหน้าที่มาเปิดวิหาร จากนั้นเข้าไปบวงสรวงกราบไหว้บูชา สถานที่แห่งนี้หลวงพี่เคยมาเมื่อปี ๒๕๔๑ จึงถ่ายรูปไหว้เป็นที่ระลึก แล้วทำบุญกับเจ้าอาวาสรวม ๘,๐๐๐ บาท พร้อมกับอุทิศส่วนกุศลเป็นอันเสร็จพิธี


เรื่องประวัติความเป็นมาไกด์ของเราเล่าว่า ความเป็นจริง "วัดถ้ำไฟ" คืออยู่ที่โรงแรมจำปาสักพาเลซ ภายในยังมีถ้ำอยู่ พวกเราก็ได้รับทราบข้อมูลอีกด้านหนึ่ง


สำหรับโรงแรมแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๑ ด้วยจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นพระราชวังของ “เจ้าบุญอุ้ม” เจ้าครองนครองค์สุดท้ายของราชวงศ์จำปาศักดิ์ ท่านเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปีพ.ศ.๒๕๐๓-๒๕๐๕ แต่ด้วยความผกผันของบ้านเมืองทำให้ต้องเสด็จลี้ภัยไปประทับยังประเทศฝรั่งเศสในปีพ.ศ.๒๕๑๗ จนถึงแก่พิราลัย โดยไม่มีโอกาสได้เสด็จกลับมาประทับในพระราชวังใหม่แห่งนี้

หมายเหตุ การที่ใช้คำว่า "จำปาศักดิ์" นั้นอ้างอิงมาจาก th.wikipedia.org/wiki/จำปาศักดิ์ (เป็นการเรียกแบบคนไทย เช่นคำว่า "เสียมเรียบ" คนไทยเรียกว่า "เสียมราฐ" เป็นต้น)

ขอนำประวัติมาเล่าแต่เพียงเท่านี้ หลังจากนั้นพวกเราก็ขึ้นรถกลับมาที่ด่านช่องแม็ก รถตู้นำมาส่งที่อารยารีสอร์ทโดยสวัสดิภาพและสมหวังทุกประการ ในสถานที่ต่างๆ ก็ไปได้ครบหมดทุกแห่ง โดยไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใด พวกเรากลับมานอนค้างอีกคืนหนึ่งเพื่อเตรียมไปสร้าง "พระทันใจ" และยกฉัตร เนื่องในวันฉัตรมงคล ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ จะนำไปเล่าในโอกาสต่อไปค่ะ...

คลิกชม...อัลบัมภาพเพิ่มเติม จากเฟสบุคของทัวร์..สวัสดีอินโดจีน ทราเวล


webmaster - 11/6/14 at 23:15

วันฉัตรมงคล ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (สร้างสมเด็จองค์ปฐมทันใจ)


๑๒. รอยพระพุทธบาท สำนักสงฆ์พระพุทธบาทป่าแสงอรุณ บ.ร่องคันแยงน้อย หมู่ ๘ ต.สำโรง อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี

สถานที่แห่งนี้เดิมได้ไปกับ คณะของอาจารย์ณรงค์ (คณะหมูยอ) เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ หลังจากกลับมาแล้ว คุณอู่วารีได้เป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำและขุดน้ำบาดาล พร้อมกับนิมนต์หลวงพี่นำคณะมาทอดผ้าป่า พร้อมกับได้กำหนดงานเป็นวันที่ ๕ คือวันนี้ โดยหลวงพี่ถือโอกาสนำคณะไปเที่ยวลาวใต้กันก่อน ส่วนคณะคุณอู่วารีก็ได้มาเตรียมสถานที่จัดงาน พร้อมกับทำบายศรีรออยู่ที่นี่ ส่วนหลวงพี่ก็ได้นัดหมายกับท่านพระอาจารย์อารี วัดป่าเทพนิมิตร อ.นาแก จ.นครพนม นำคณะช่างและแม่ครัวมาร่วมงานนี้ด้วย เพื่อสร้างพระพุทธรูปทันใจโดยสร้างเป็น "สมเด็จองค์ปฐม" และมีซุ้มเรือนแก้วเสร็จภายใน ๑๐ ชั่วโมงเท่านั้น

๖.๓๐ น. ทานอาหารเช้าแล้วออกจากที่พักอารยารีสอร์ท
๗.๐๐ น. ล้อหมุน ประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ถึงสำนักสงฆ์พระพุทธบาทป่าแสงอรุณ คณะอู่วารี คณะของพระอาจารย์อารี คณะของพระอาจารย์ประทักษ์ (ตุ๋ย) คณะของอาจารย์ณรงค์ (คณะหมูยอ) อ.กัณทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตลอดจนชาวบ้านแสงอรุณและหมู่บ้านใกลัเคียงมาคอยต้อนรับ

ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณและพระที่นิมตร์มารวมทั้งหมดประมาณ ๑๕ รูป หลวงพี่ทักทายทุกคนและทุกท่าน คณะของพระอาจารย์อารีท่านมาเตรียมการเพื่อที่จะหล่อ "สมเด็จองค์ปฐม" ทันใจพร้อมเรือนแก้ว มาเตรียมการตั้งแต่ วันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ทั้งนี้ต้องการให้ทุกคนเซอร์ไพร์หล่อให้เสร็จ ภายใน ๑ วัน คณะอู่วารีก็มาค้างคืนเตรียมการทำบายศรีตั้งแต่วันที่ ๓ แล้ว



คณะของพระอาจารย์ตุ๋ยท่านมาเตรียมการหล่อพระ โดยทำของเก่าที่มีอยู่ด้วยการบูรณะของเดิมโดยงบประมาณนี้ได้มาจากคณะของอูวารี ๖๐,๐๐๐ บาท และได้มาทำฐานพร้อมกันในวันที่ ๒๖ เมษายนเหมือนกัน เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร รวมที่จะหล่อพระวันนี้ ๒ องค์ด้วยกัน พระอาจารย์ตุ๋ยยังได้พาเดินดูรอบๆ พบรอยพระพุทธบาทอีกหลายแห่งแต่มีความสมบูรณ์แค่ ๖๐-๗๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น




๐๙.๑๙ น.เริ่มพิธีบวงสรวง หลวงพี่และเจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ ได้จุดธูปเทียนหน้าโต๊ะบวงสรวง และจุดเทียนที่ขันน้ำมนต์หลังจากบวงสรวงเสร็จแล้ว จากนั้นคุณหลีต้วแทนคณะได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย หลวงพี่ให้ศีลเสร็จแล้วประพรมน้ำพุทธมนต์





เวลา ๐๙.๔๙ น.โดยประมาณ เริ่มเทปูนหล่อองค์พระประมาณเกือบ ๑๑ โมงก็เสร็จ พร้อมบรรจุสิ่งของมีค่าในพระเกศอีกด้วย





เวลา ๑๐.๓๙ น.โดยประมาณ เริ่มพิธืทอดผ้าป่า โดยคณะคุณก๊วยเจ๋งได้นำเครื่องไทยทานมาถวายแด่พระสงฆ์ครบทุกรูป คณะตามรอยฯ ถวายปัจจัยแด่พระทุกองค์ ปัจจัยที่ได้ทั้งหมดรวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ได้ถวายให้พระอาจารย์อารีในการสร้างพระ ๕๐,๐๐๐ บาท ถวายไว้ที่นี่ ๕๐,๐๐๐ บาท พิธีเสร็จแล้วพระฉันเพล เครื่องผ้าป่าถวายไว้ที่นี่ทั้งหมด




เวลา ๑๒.๓๐ น. เจ้าอาวาสทำพิธีบายศรีสู่ขวัญตามประเพณี ให้กับคณะที่มา


เวลาประมาณบ่าย ๒ โมง ช่างเริ่มถอดแม่แบบออก ในช่วงนี้พวกเรามาทำพิธีที่มณฑปครอบรอยพระพุทธบาท บรวงสรวงด้วยเทปหลวงพ่อ สวดอิติปิโสและคาถาเงินล้าน หลวงพี่ได้เตรียมสายสิญจน์ไว้สำหรับทำพิธีด้วย ร่วมกันสวดคาถาเงินล้าน ๙ จบ เสร็จแล้วบูชารอยพระพุทธบาทพร้อมฉัตรที่ได้นำไปถวายก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยเครื่องหอมและสิ่งของที่เตรียมมาบูชา





เวลาประมาณ ๔ โมงเย็น ช่างแกะแบบเสร็จแล้ว และกำลังใส่ซุ้มเรือนแก้ว พอดีคณะตามรอยได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก และรำถวายเป็นพุทธบูชา ก่อนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก







รูปภาพสมเด็จองค์ปฐม (ทันใจ) พร้อมฉัตรเสร็จสมบูรณ์แล้วสวยงามมาก


๑๓. รอยพระพุทธบาท วัดภูมโนรมย์ อ.เมือง จ.มุกดาหาร





พระพุทธรูปหน้าตัก ๓๙ เมตร สูง ๘๖.๕ เมตรรวมฐาน สร้างบนภูเขาภูมโนรมย์มาหลายปีแล้ว หลังจากอาหารเช้าที่ "รีสอร์ทแลโขง" บรรยากาศตามภาพ คณะคุณก๊วยเจ๋งถวายปัจจัยที่ได้เหลือจากการสร้างฉัตร แล้วมีคนร่วมทำบุญมาที่หลัง ได้ถวายให้หลวงพี่ทั้งหมดด้วยมีรายชื่อดังนี้ คือ คุณชาญวิทย์ - ลักษมี (แมว) มโนธีรวัฒน์ และ คุณภาส์วริทธิ์ (ก๊วยเจ๋ง) - จารุภา (หลี) ภาสิทธิ์พล พร้อมคณะเพื่อนๆ อีกด้วย



เวลาประมาณ ๑๐ โมงก็มาถีงวัดภูมโนรมย์ หลวงพี่แวะเข้าไปสั่งปูนที่ร้านโกบอลเฮ้าส์ในตัวเมืองพร้อมสั่งอาหารเพลไว้ให้คณะพร้อมเสร็จ หลวงพี่ได้กับเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ซึ่งท่านให้ความสนใจเรื่องรอยพระพุทธบาท และได้ทำปูนล้อมรอยพระพุทธบาทที่ท่านพบใหม่ให้พวกเราได้ชมด้วย มา ๒-๓ ครั้งแล้วเพิ่งเห็นเหมือนกัน เลยบูชากันเต็มที่เลยค่ะ



หลวงพี่เดินทางไปครั้งนี้ตั้งใจถวายปูนซิเมนต์สร้างพระใหญ่ ๒ แห่งๆละ ๑๐๐ ลูก (วัดเขาวงพระจันทร์ และ วัดภูมโนรมย์) เพื่อทำบุญวันเกิดที่จะมาถึงวันที่ ๒๙ พฤษภาคมไว้ก่อนล่วงหน้า รวมเงินทำบุญดังนี้ค่ะ
๑. ร่วมสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ๕,๐๐๐ บาท
๒. ซื้อปูนซิเมนต์สีเขียว ๑๕๐ ลูกๆละ ๑๑๕ บาทเป็นเงิน ๑๗,๒๕๐ บาท
๓. มอบเงินให้คนงานทั้งหมด ๓๖ คน และหัวหน้าคนงานรวมทั้งหมด ๔,๑๐๐ บาท


๑๔. วัดศิลามงคล ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม



ขณะขับรถผ่านเพื่อจะไปพระธาตุพนม เห็นวัดนี้กำลังขึ้นนั่งร้าน เห็นป้ายอยู่ข้างถนนด้วย จึงเข้าไปร่วมทำบุญเป็นเงิน ๑,๐๐๐ บาท ทางวัดจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นสู่ซุ้มพระธาตุศิลามงคลทั้ง ๘ ทิศ และมหาพุทธาภิเษกปิดทองยอดฉัตรพระธาตุศิลามงคล นับว่าได้ทำบุญกันโดยบังเอิญจริงๆ



๑๕. พระธาตุเรณู วัดธาตุเรณู ต.เรณู อ.เรณูนคร จ.นครพนม


เป็นพระธาตุทรงเจดีย์ ฐานสี่เหลี่ยมด้านละ ๘.๓๓ เมตรเท่ากันทั้ง ๔ ด้าน สูง ๓๕ เมตร พระธาตุเรณูเป็นเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ พระไตรปิฏก และพระพุทธรูปทองคำ รวมทั้งของมีค่าอีกมากมาย คนเกิดวันจันทร์นิยมมากราบไหว้บูชาที่นี่


พวกเราทุกคนเคยไปเป็นครั้งแรก หลวงพี่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากเป็นพระธาตุที่สร้างขึ้นมาใหม่รุ่นหลังไม่ถึง ๑๐๐ ปี ท่านเลยแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้คณะสัมผัสได้คือ...


- GPS รวน นำทางไปปล่อยกลางป่าของหมู่บ้าน แล้วบอกว่า "สิ้นสุดการเดินทาง" ครั้นเมื่อกลับไปใหม่เป็นครั้งที่ ๒ กลับนำไปได้ถูกต้องตามปกติ
- อากาศที่ร้อนมากพอเข้าเขตก็ร่มครึ้มเลย ไม่ร้อนมาก
- ส่วนต่ายบอกว่า ขณะขับรถเปิดเพลงสุ่มไปเจอเพลง "เรณูนคร" โดยบังเอิญพอดี นับเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้
-เป็นแหล่งร้านค้าขายผ้าภูไท เสื้อผ้าราคาไม่แพงมาก
ก็เลยแห่ผ้าขึ้นธาตุ เดินสวดอิติปิโสประทักษิณ ๓ รอบองค์พระธาตุ จากนั้นก็ปิดทองและสรงด้วยน้ำหอม เป็นอันเสร็จพิธี

<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 12/6/14 at 10:25

๗ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (พระธาตุพนม)


๑๖. วัดพุทธลีลา ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม



สถานที่นี้บังเอิญขณะขับรถผ่านเห็นพระยืนกำลังตั้งร้าน จึงแวะเข้าไปเพื่อที่จะร่วมบุญด้วย เจ้าอาวาสไม่อยู่ พระลูกวัดต้อนรับแทน สอบถามได้ความว่า พระพุทธรูปถูกฟ้าผ่า จึงขึ้นตั้งร้านบูรณะเสร็จแล้วจะจัดงานฉลององค์พระ ครั้งนี้ได้ติดตั้งสายล่อฟ้าไว้ด้วย ร่วมทำบุญ ๒,๐๐๐ บาท



๑๗. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม





หลวงพี่นัดกับท่านอาจารย์อารีเพื่อเข้าพบนมัสการท่านเจ้าอาวาสพระธาตุพนม เพื่อกราบเรียนเรื่องงานที่จะจัดทำบุญอายุหลวงพี่ในปีหน้า (๒๘-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘) พร้อมนัดเจอกับ อ.แน่งน้อย ศุภกูล โรงเรียนนาแกสามัคคีวิทยา ซึ่งเป็นพี่สาวของ คุณนวลศศิธร ศุภกูล (ปุ๊) ที่อยู่อุทัยธานีด้วย
ขณะที่เข้าไปสนทนาทราบว่าเจ้าอาวาสกำลังบูรณะด้านในองค์พระธาตุ พวกเราร่วมทำบุญจำนวน ๕,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมบุญและได้อานิสงส์ในส่วนนี้ จากนั้นหลวงพี่เดินทางไปฉันเพลที่บ้านพี่สาวคุณปุ๊






ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พร้อมกับขออนุโมทนา
อ.แน่งน้อย ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ที่ให้การต้อนรับหลวงพี่และพวกเราเป็นอย่างดี


๘ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (พระธาตุท่าอุเทน - พระบาทเวินปลา)


๑๘. วัดพระพุทธบาทเทวานฤมิตรวนาราม ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม (พบใหม่) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น วัดป่าศรีสะอาดโพนสีมา (อยู่ติดถนนหมายเลข ๒๒)



ความจริงคณะตามรอยพระพุทธบาทไม่ได้ตั้งใจจะไปที่นี่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่ามีอยู่ที่นี้ แต่ข้อมูลใน GPS ของหลวงพี่นำมาต่างหาก เหตุเพราะว่ามีชื่อวัดนี้ใน GPSหลวงพี่นึกว่าเป็นวัดที่เคยมาแล้ว ผลปรากฏว่าไม่ใช่ กลับเป็นที่แห่งใหม่ที่ไม่เคยมาเลย พอมาเห็นแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นจริง เพราะเห็นแต่เป็นรอยจำลองไว้ในศาลาหลังหนึ่ง จึงต้องเดินกลับไปถามอดีตผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อบต. ซึ่งมาทำบุญที่วัดนี้พอดี จึงได้ทราบเรื่องว่าบริเวณนี้เดิมเป็นพื้นทรายธรรมดาอยู่ภายในวัด


แต่วันหนึ่งเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมแรงมาก ต้นไม้หักล้มระเนระนาดเต็มไปหมด มีคนที่ไปทำนาแล้วเดินทางกลับมาเห็นรอยเท้าที่มีนิ้วเท้าครบปรากฏอยู่บนพื้นทราย ชาวบ้านและคนในหมู่บ้านเชื่อทันทีว่าเป็นรอยพระพุทธบาท ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านได้ร่ำลือกันไปทั่ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานเกือบ ๖๐ ปีแล้ว สำหรับความเป็นมานั้น คุณยายหวัน แก้วนิวงษ์ อายุ ๗๕ ปี เล่าว่าได้มาพบเห็นเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นคุณยายมีอายุ ๑๕ ปีเท่านั้น


คุณยายหวันได้เล่าให้พวกเราฟัง ในขณะที่นำอาหารเช้ามาถวายพระในวัดนี้ พร้อมกับเล่าเสริมต่อไปอีกว่า ต่อมามีประชาชนมากราบไหว้กันมากมาย เวลาผ่านไปหลายปีรอยพระพุทธบาทก็เริ่มเลือนไป ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันสร้างรอยจำลองทับรอยเดิมและก่ออิฐล้อมรอบ (เอาน้ำยางมาเคลือบรอยเดิม) พร้อมกับสร้างศาลาครอบไว้เป็นอนุสรณ์


มิน่าเล่า..จึงได้มีเหตุอัศจรรย์ปรากฏแก่พวกเรา นั่นก็คือ..พระอาทิตย์ทรงกลดอย่างอร่ามตา พวกเราจึงบูชาและกราบไหว้กันเต็มที่ เปิดเทปหลวงพ่อ ปิดทอง และสรงน้ำหอม




๑๙. พระธาตุท่าอุเทน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม


พระธาตุมีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม สูง ๓๓ วา จำลองแบบมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในองค์พระธาตุเป็นอุโมงค์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระอาจารย์สีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า พระธาตุท่าอุเทนเป็นพระธาตุประจำวันศุกร์ (พระอาจารย์สีทัตถ์ เป็นผู้สร้างพระบาทบัวบก อุดรธานี, พระธาตุอิงฮัง สุวรรณเขต)



พวกเราได้นำผ้าห่มสีทองไปถวายบูชา แล้วทำประทักษิณรอบองค์พระธาตุ จากนั้นต่างก็ทำบุญใส่ตู้บริจาคกันตามอัธยาศัย รวมเงินแล้วประมาณ ๔,๐๐๐ บาท

๒๐. รอยพระพุทธบาทเวินปลา บ้านเวินปลา ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

สำหรับสถานที่แห่งนี้ หลวงพี่เคยมาหลายครั้งแล้ว แต่พวกเราส่วนใหญ่เพิ่งจะได้มากัน ก้อนหินรอยพระพุทธบาทอยู่ในลำน้ำโขง ห่างจากฝั่งประมาณ ๑๐๐ เมตร มองดูแล้วไม่รู้จะไปกันได้หรือเปล่า ทั้งนี้แล้วแต่โชควาสนาก็แล้วกัน ก่อนที่จะลุ้นกันว่าจะไปกราบได้หรือไม่ เราลองมาอ่านประวัติความเป็นมากันก่อน ดังนี้

นางสาวบุณยานุช วรรณยิ่ง ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครพนม กล่าวว่า พระพุทธบาทเวินปลา เป็นรอยพระพุทธบาทหนึ่งเดียวในโลก ที่พระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทบนโขดหินกลางลำน้ำโขง และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทย-ลาวให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่ยุคโบราณ และถูกบันทึกในตำนานพระอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวถึง "พระบาทเวินปลา" ที่พระพุทธเจ้าอธิษฐานรอยพระบาทไว้ที่ก้อนหิน ดังเนื้อความว่า

“แต่นั้นพระพุทธองค์จึงเสด็จไปสู่เมืองศรีโคตรบอง เพียงที่อยู่แห่งพญาปลาตัวหนึ่ง พญาปลาตัวนั้นได้เห็นได้เห็นพระรัศมีของพระพุทธองค์ จึงได้พาบริวารล่องไปตาม พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

".......พญาปลาตัวนี้จักมีอายุยืนตลอดถึงพระอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ลงมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า จึงได้จักจุติจากชาติปลามาเกิดเป็นมนุษย์ แล้วออกบวชเป็นภิกษุในสำนักพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น.."

เมื่อพญาปลาตัวนั้นได้ยินพระพุทธพยากรณ์อันนี้ก็ชื่นชมยินดียิ่งนัก จึงมาคำนึงนึกแต่ในใจว่า อยากจะได้รอยพระบาทของพระศาสดาไว้เป็นที่สักการะ พระพุทธองค์ทรงทราบจึงทรงพระเมตตาอธิษฐานรอยพระบาทไว้ที่โหง่นหินในน้ำที่นั้นซึ่งเป็นน้ำวน ชาวบ้านจีงเรียกกันว่า “เวิน” ซึ้งหมายถึงตั้งอยู่ในวังน้ำวน และเนื่องจากเป็นที่อยู่ของพญาปลาปากคำ (ปลาทอง) จึงเรียกเป็น “เวินปลา” หรือ "พระบาทเวินปลา" มาเท่ากาลบัดนี้” (กรมศิลปากร.2537 : 41)

ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีเนินดินเล็ก ๆ ขนาดกว้างประมาณ 30 เมตร ยาวประมาณ 50 เมตร และสูงประมาณ 1 เมตร เรียกว่า "ดอนพระบาท" โขดหินอันเป็นที่ตั้งรอยพระพุทธบาท อยู่ในแนวตั้งเอน มีความยาวประมาณ 2-10 เมตร สูงพ้นน้ำขึ้นมาประมาณ 2 เมตร ด้านบนโขดหินมีลักษณะคล้ายรอยเท้ามนุษย์อยู่สองรอย รอยบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 55 เซนติเมตร ยาว 2.05 เมตร รอยล่างเป็นแผ่นแบบเรียบตรงกลางมีรูกลมหนึ่งรูมีนิ้วห้านิ้ว นิ้วโป้งอยู่ด้านล่าง จะปรากฏในช่วงหน้าแล้งและชัดที่สุดในเดือนเมษายนของทุกปี




ในช่วงหน้าฝนน้ำโขงขึ้นจะจมอยู่ใต้น้ำเป็นที่กราบไหว้สิ่งลี้ลับใต้บาดาล พอถึงหน้าแล้งน้ำโขงลดก็จะโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำโขงให้ประชาชนไทย-ลาวกราบไหว้บูชา ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน รอยพระบาทอยู่ห่างจากวัดพระบาทเวินปลา ๒๐๐ เมตร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีงานนมัสการรอยพระพุทธบาทเวินปลา ยังมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากท่าวัดไปจนถึงรอยพระพุทธบาท และเมื่อปี ๒๕๕๕ ได้มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับพญานาคอีกด้วย คลิกอ่านรายละเอียดได้ที่นี่ค่ะ http://tamroiphrabuddhabat.com/xmb/viewthread.php?tid=954


หลังจากเล่าประวัติความเป็นมากันแล้ว ทุกคนต่างก็สนใจใคร่จะลงไปกราบรอยพระพุทธบาทให้ถึงที่ แต่แล้วโชคก็เข้าข้างพวกเรา ระหว่างที่กำลังจะหาเรือข้ามไปอยู่นั้น ปรากฏว่ามีหนุ่มขึ่มอเตอร์ไซด์ผ่านมาพอดี พร้อมกับแนะนำให้เดินไปหาคนขับเรือที่อยู่เหนือวัด แต่พอเดินไปได้สักครู่ก็เห็นเรือพายหันหัวมาทางพวกเรา จึงพากันเดินกลับถือเครื่องบูชาลงไปรออยู่ที่ริมตลิ่ง



คนพายเรือต้องพายสองรอบจึงจะหมด จากนั้นก็พากันขึ้นบนโขดหินแห่งนี้ พร้อมกับช่วยกันห่มผ้าสีทองรอบก้อนหิน แล้วพากันกราบไหว้บูชารอยพระพุทธบาทสมปรารถนาทุกประการ




๒๑. พระธาตุมหาชัย วัดโฆษิตดาราม ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม



พระธาตุมหาชัยองค์เดิม ได้สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๘ โดยดำริของหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ โดยที่สร้างแล้วองค์พระธาตุมีรูปทรงแปดเหลี่ยม ฐานพระกว้าง ๓๒ เมตร ยาว ๓๒ เมตร พ.ศ.๒๕๑๒ ศิษย์ของหลวงปู่คือ พระมหาเฉวต จำพรรษาอยู่ที่นครเวียงจันทร์ ได้เดินทางมาเยี่ยมหลวงปู่ และได้นำเอาพระอรหันต์สารีริกธาตุของพระอัญญาโกญฑัญญะ ปฐมสาวกถวายแก่หลวงปู่ เพราะเห็นว่าหลวงปู่กำลังจะสร้างพระธาตุอยู่ พ.ศ.๒๕๑๔ หลวงปู่ทำพิธีวางศิลาฤกษ์พระธาตุ พ.ศ.๒๕๑๘ เสร็จแล้วได้ทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมกับพระอรหันตธาตุอีกด้วย



<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 20/11/14 at 15:20

๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (พิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ วัดโพนนาแก้ว)


๒๒. วัดพุทธโมกข์ ต.นาแก อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร


พระครูวิชัยสารคุณ (อาจารย์หนุน) หลังจากเจอกับหลวงพี่ในงานประจำปีที่วัดเขาวงแล้ว หลวงพี่ได้มาวางศิลาฤกษ์ร่วมกับเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร ที่วัดแห่งนี้อีกครั้ง
หลวงพี่ได้ถวายปัจจัยกับเจ้าคณะจังหวัดเชิงชุม ซึ่งป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม ตอนนี้กำลังบูรณะองค์พระธาตุอยู่ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท





หลวงพี่ท่านเป็นประธานจุดธูปเทียนที่โต๊บวงสรวงเป็นตัวแทนของวัดท่าซุงและเจ้าอาวาส มีลูกศิษย์หลวงพ่อไปกันหลายท่าน เมื่อบวงสรวงเสร็จแล้วทำพิธีวางศิลาฤกษ์ จนเสร็จพิธีแล้วกลับทันที ช่วงกำลังทำพิธีมีพระอาทิตย์ทรงกลดประมาณ เศษหนี่งส่วนสี่ของวง










๒๓. วัดพระพุทธบาทเขาน้อย ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น



ก่อนเดินทางหลวงพี่ตั้ง GPS ไว้แต่กลับพาเข้าไปอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่ฝังถนนด้านที่มีสวนสัตว์ ทำให้รถต้องวิ่งอ้อมไปไกล แต่อย่างไรก็ตามอากาศที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้เชื่อได้ว่า น่าจะมีอะไรแถวบริเวณนั้น และเกิดฝนตกเฉพาะบริเวณนั้นด้วยอีกด้วย เมื่อสอบถามชาวบ้าน จึงรู้ว่ามาผิดทางและอยู่ห่างจากวัดเขาสวนกวางประมาณ ๑๗ กิโลเมตร


เมื่อย้อนกลับมาจึงเจอ และเข้าไปดูในศาลาครอบพระพุทธบา พบว่าเป็นรอยใหญ่เป็นรอยจำลอง อีกรอยหนึ่งเป็นรอยเล็กอยู่บนก้อนหิน ไม่ทราบว่าไปได้หินก้อนนี้มาจากไหน และแกะสลักจนมีนิ้วเท้าครบจนทำให้ศรัทธาเศร้าหมองไป จึงทำให้เข้าใจว่ามีการแกะสลัก



แต่อย่างไรก็ตามปรากฏการณ์ก็มาแสดงพระอาทิตย์ทรงกลด เหมือนกับจะบอกว่าหินก้อนนี้เป็นรอยพระพุทธบาทอย่างแท้จริง เพียงแต่มีคนมาทำให้ชัดเจนขึ้น (ตามความคิดของตัวเองนะ) หินก้อนนี้ยังคงแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้คณะตามรอยฯ ได้เห็น



เมื่อกราบไหว้เสร็จออกมาพบกับท่านเจ้าอาวาส จึงได้สอบถามการก่อสร้างว่าทำอะไรบ้าง ปรากฏว่าสร้างศาลายังไม่เสร็จ ส่วนอื่นๆ ยังไม่มีการบูรณะ จึงร่วมกันทำบุญจำนวนเงิน ๒,๐๐๐ บาท สุดท้ายนี้ต้องขออนุโมทนา คุณ Kritsana Khenchatturat จากขอนแก่น ผู้ให้ข้อมูลไว้ผ่านเฟสบุคก่อนการเดินทาง คณะของเราเล่าให้ฟังว่าในตอนนั้นขณะที่บอกรายละเอียด คุณกฤษณาได้เห็นพระอาทิตย์ทรงกลดที่หน้าบ้านพอดี และในวันนี้พวกเราก็ได้เห็นพระอาทิตย์ทรงกลดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จึงถือว่าที่นี่ไม่ธรรมดา..อย่างแน่นอนค่ะ


๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗ (นครราชสีมา - วัดท่าซุง)


๒๔. รูปปั้นหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ณ บ้านแท่น ต.โพนทอง อ.สีดา จ.นครราชสีมา




วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง พอผ่านมาถึง อ.สีดา พี่สำราญเห็นเขากำลังก่อสร้างรูปเหมือน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หน้าตักประมาณ ๑๐ เมตร จึงแวะเข้าไปร่วมบุญด้วย ทำบุญใส่ตู้ประมาณ ๑,๐๐๐ บาท

สรุปการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๗

๑. ร่วมสร้างพระพุทธรูปทั้งสิ้น ๗ องค์
- หน้าตัก ๔๕ เมตร สูง ๗๒ เมตร
- หน้าตัก ๓๙ เมตร สูง ๘๖.๕ เมตร รวมฐาน
- หน้าตัก ๒๙ เมตร สูง ๔๙ เมตร
- หน้าตัก ๑๐ เมตร สูง ๑๖ เมตร
- พระยืน สูง ๑๐ ศอก
- พระพุทธชินราช จำลอง หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตัก ๖๙ นิ้ว
- พระพุทธรูป สมเด็จองค์ปฐม (ทันใจ) หน้าตัก ๔ ศอก เสร็จใน ๘ ชั่วโมง

๒. กราบรอยพระพุทธบาท ๗ แห่ง ใน ๗ แห่งนี้พบใหม่ ๒ แห่ง
๓. กราบพระศพของหลวงปู่คำคะนึง
๔. กราบพระธาตุเจดีย์ ๕ แห่ง
๕. สถานที่ท่องเที่ยวในลาว ๒ แห่ง
๖. ทอดผ้าป่าพร้อมถวายศาลาครอบรอยพระพุทธบาท ถวายฉัตรห้าชั้น และถวายพระพุทธรูปหน้าตัก ๓๘ นิ้ว ๑ แห่ง

๗. รวมเงินทำบุญจำนวน ๑๘๗,๙๕๐ บาท


ขอให้ท่านทั้งหลายอนุโมทนาบุญตามอัธยาศัย
ส่วนจะไปถึงตรงไหนนั้นแล้วแต่อิทธิบาท ๔ ที่ท่านมี และปรมัตถบารมีของท่านทั้งหลายด้วย..สวัสดีค่ะ


<< กลับสู่สารบัญ


webmaster - 30/11/14 at 05:50

.