เล่าเรื่องการเดินทางไป "ตาพระยา" เมื่อวันที่ 17 - 19 มกราคม 2557
webmaster - 4/2/14 at 15:57
เล่าเรื่องการเดินทางไป "ตาพระยา"
เมื่อวันที่ ๑๗ - ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗
วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๗ (อุทัยธานี - ตาพระยา)
...คณะของท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เจ้าอาวาสวัดท่าซุง และพระภิกษุวัดท่าซุงรวม ๓ รูป พร้อมด้วยครูฝึกอีก ๓ คน เดินทางมาถึงตาพระยาช่วงบ่าย
เมื่อเข้าที่พักแล้วเวลา ๖ โมงเย็น จึงเริ่มฝึกพระกรรมฐาน
โดยมีญาติโยมมาร่วมฝึกพระกรรมฐานหลายคน ที่บ้านคุณสุทัศน์ - คุณทิพยา วิลาวัลย์ ส่วนคณะของหลวงพี่ชัยวัฒน์มาถึงประมาณ ๓ ทุ่ม เข้าพักที่บ้าน คุณสุชัย -
คุณหรรษา ซึ่งเป็นพี่สาวของคุณทิพยา
วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๗ (ตาพระยา)
ตอนเช้า เวลา ๘.๐๐ น. ท่านเจ้าอาวาสทำพิธีบวงสรวงและเริ่มสอนพระกรรมฐานเลย
เวลาประมาณบ่ายโมง หลังจากฉันภัตตาหารเพลแล้ว คณะเจ้าอาวาสได้ไปเยี่ยมที่บ้านคุณแม่ของคุณทิพยา วิลาวัลย์
เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น . หลวงพี่ชัยวัฒน์ทำพิธีบวงสรวงที่ศาลพระภูมิ ที่บ้านน้องสาวของคุณหรรษา เสร็จแล้วถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
หลวงพี่ชัยวัฒน์พักที่บ้านของคุณสุชัย - คุณหรรษา
เวลา ๑๘.๐๐ น. สอนกรรมฐานและถวายสังฆทาน ที่บ้านคุณสุทัศน์ - คุณทิพยา
วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๗
ฉันภัตตาหารเช้า เวลา ๗.๐๐ น. เสร็จแล้วมีการถวายสังฆทาน เจ้าของบ้านและญาติๆ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนจะขึ้นรถกลับวัด
ตอนบ่ายคณะตาพระยานิมนต์หลวงพี่พร้อมคณะ เดินทางไปไหว้รอยพระพุทธบาทที่อยู่ในป่า ซึ่งหลวงพี่เคยมาสำรวจแล้ว แต่เพื่อนำคนใหม่มาอีกครั้งหนึ่ง
โดยมีคณะคุณอู่วารีทำบายศรีมาให้ด้วย
พวกเราได้ช่วยกันนำผ้าตุงขึ้นไปแขวนด้วย พอขากลับเดินลงมาหลวงพี่ประสบอุบัติเหตุ คือเหยียบก้อนหินแล้วเสียหลักล้มคงหัวเข่ากระแทกกับพื้น
ท่านได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
๒. รอยพระพุทธบาท บ้านทุ่งหินโคน ต.สระขวัญ อ.เมือง จ.สระแก้ว (พบใหม่)
สำหรับรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ น้องชายของคุณทิพยาเป็นผู้ได้ข่าว จึงนำมาที่นี่ซึ่งพวกเรายังไม่เคยมาเลย เป็นรอยที่พบใหม่ด้วย
ระยะทางจากตาพระยาเดินทางมาที่นี่ประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร รอยพระพุทธบาทอยู่กลางทุ่งนา
เดิมที่นี่เคยเป็นผลาญหินมาก่อนแต่เป็นที่ลุ่ม ต่อมาน้ำท่วมและมีการหักร้างถางป่าจนดินทับลานหินจนหมด ปัจจุบันจึงเป็นพื้นที่ทำนาและปลูกอ้อยไปหมดแล้ว
แต่ด้วยความเฮี้ยนของสถานที่นี้ เนื่องจากมีคำเล่าลือกันมาก จึงมีการสร้างศาลเพียงตาไว้ด้วย
เจ้าของที่ดินชื่อ "ลุงบุญตา" ได้มาเล่าประวัติความเป็นมาให้พวกเราฟังกันว่า สมัยก่อนมีรถเข้ามาวิ่งใกล้รอยพระพุทธบาท
ปรากฏว่าเครื่องดับไม่สามารถไปต่อได้ ต่อมามีพี่สาวของคุณลุงได้เอาเท้าเข้าไปเปรียบเทียบ หลังจากนั้นก็ป่วยตลอด พอไปหาหมอตรวจก็บอกว่าไม่เจอโรคอะไร
ภายหลังมีหมอดูคนหนึ่งบอกว่า การที่ไม่สบายเพราะไปล่วงเกินรอยเท้านี้ ซึ่งชาวบ้านแถวนี้เรียกว่า "รอยพรานบุญ" หมอดูแนะนำให้ไปขอขมาโทษเสีย
หลังจากทำตามแล้วก็หาย โดยไม่ต้องกินยาเพราะไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรนั่นเอง ต่อมาพ่อของลุงบุญตาก็ขายที่ดินแปลงนี้ให้คนอื่นไป สร้างความไม่สบายใจให้แก่ลูกๆ
จนถึงกับอพยพไปอยู่ที่อื่นด้วยความน้อยใจ หลังจากย้ายไปนับเป็นสิบปีก็ต้องกลับมาอีก
ปัจจุบันลุงบุญตาก็ต้องมานอนเฝ้าที่กระต๊อบแถวนี้ทุกคืน เพราะบริเวณกระต๊อบจะมีสระน้ำ ลึกเข้าไปภายในเหมือนกับจะเป็นถ้ำ มีปลาใหญ่ๆ แหวกว่ายไปมา
แม้แต่หน้าแล้งน้ำก็ไม่เคยแห้ง น่าจะสันนิษฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรอยพระพุทธบาท เพราะไม่แน่ใจว่าข้างล่างจะเป็นถ้ำพญานาคหรือไม่
ส่วนขนาดของรอยพระพุทธบาท กว้างในส่วนปลายพระบาท ๒๕ เซนติเมตร กว้างในส่วนส้นพระบาท ๑๐ เซนติเมตร กว้างในส่วนตรงกลาง ๒๑ เซนติเมตร รอยพระพุทธบาทยาว ๔๘
เซนติเมตร เป็นรอยพระพุทธบาทที่เป็นธรรมชาติเดิมๆ ลุงบุญตาบอกว่าสมัยก่อนชัดเจนกว่านี้มาก
หลังจากทุกคนได้ฟังเรื่องราวกันแล้ว หลวงพี่ก็ได้เปิดเทปหลวงพ่อบวงสรวงด้วยบายศรีที่เตรียมมา หลังจากทำพิธีเสี่ยงทายเสร็จแล้ว
มีการปรึกษาหารือกับคณะตาพระยา เห็นควรที่จะสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท เพื่อรักษาขอบเขตไว้ไม่ให้เป็นโทษต่อไป
ทุกคนได้ร่วมกันทำบุญเบื้องต้น รวมเงินทั้งหมด ๒๐,๐๐๐ บาท หลวงพี่ได้มอบหมายให้คุณสุชัย - คุณหรรษา เป็นผู้ดำเนินการสร้าง
หลังจากสร้างเสร็จแล้วต่อมาก็ได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปและมีการฉลอง ซึ่งจะนำเหตุการณ์เหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป..สวัสดีค่ะ
webmaster - 26/2/14 at 08:29
.
webmaster - 13/6/18 at 08:02
.